ทัวร์ต่างประเทศ : ประเทศแคนาดา คานาดา CANADA
ทัวร์แคนาดา เที่ยวแคนาดา แพคเกจทัวร์แคนาดา TOUR CANADA
ทัวร์แคนาดา เที่ยวแคนาดา แพคเกจทัวร์แคนาดา (Canada) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ดินแดนที่เป็นประเทศแคนาดาในปัจจุบันในอดีตมีผู้อยู่อาศัยอยู่แล้วเป็นชนพื้นเมืองหลากหลายกลุ่ม เมื่อตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 นักสำรวจเดินทางชาวอังกฤษและฝรั่งเศสได้เข้ามาสำรวจ และต่อมาจึงมีการตั้งรกรากขึ้นบนแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี ค.ศ.1763 ฝรั่งเศสได้ยอมสูญเสียอาณานิคมเกือบทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือหลังจากสงครามเจ็ดปี ในปี ค.ศ.1867 มีการรวมตัวของอาณานิคมของอังกฤษ 3 แห่งขึ้น และประเทศแคนาดาก็ถือกำเนิดขึ้นในรูปแบบของเขตปกครองสหพันธรัฐ ประกอบด้วย 4 รัฐ และนี่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มจำนวนขึ้นของรัฐและดินแดนต่างๆ และกระบวนการได้รับอำนาจปกครองตนเองจากสหราชอาณาจักร รัฐบัญญัติแห่งเวสต์มินสเตอร์ในปี ค.ศ.1931 ได้เพิ่มอำนาจปกครองตนเองและเป็นผลให้เกิดพระราชบัญญัติแคนาดาในปี ค.ศ.1982 ซึ่งมีผลให้แคนาดาตัดขาดจากการขึ้นตรงต่ออำนาจของรัฐสภาอังกฤษ
ยู. แทรเวล วาเคชั่นส์ เชิญท่านเดินทาง ทัวร์แคนาดา เที่ยวแคนาดา แพคเกจทัวร์แคนาดา (Canada) โดยทีมงานมืออาชีพ
ทัวร์อเมริกา - ทัวร์แคนาดา แพคเกจทัวร์แคนาดา
TOUR AMERICA - TOUR CANADA |
|
TOUR CODE:CA151601FZ
สายการบินคาเธย์ แปซิฟิค
แวนคูเวอร์ – สะพานแขวนคาปิลาโน – ย่านแกสทาวน์ – วิกตอเรีย – สวนบูชาร์ด – คัลการี – บานฟ์ – น้ำตกโบว์ – เทือกเขาซัลเฟอร์ – โคลัมเบียไอซ์ฟิลด์ – ทะเลสาบเลคหลุยส์ – คัลการี – ควิเบก – น้ำตกมอนท์โมเรนซี่ – มอนทรีออล – วิหารนอร์ธเทอดาม – อ๊อตตาวา – ล่องเรือชมความงามทะเลสาบ 1,000 เกาะ – โตรอนโต้ – น้ำตกไนแองการ่า – ล่องเรือ Hornblower – นั่งเฮลิคอปเตอร์ – โตรอนโต้
|
มิถุนายน 2560 |
วันที่ |
07 – 18 มิ.ย. 60
|
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
กรกฏาคม 2560 |
วันที่ |
05 – 16 ก.ค. 60 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
สิงหาคม 2560 |
วันที่ |
09 – 20 ส.ค. 60 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
กันยายน 2560 |
วันที่ |
13 – 24 ก.ย. 60 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
ตุลาคม 2560 |
วันที่ |
11 – 22 / 12-23 / 18 – 29 ต.ค. 60 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
พฤศจิกายน 2560 |
วันที่ |
15 – 26 พ.ย. 60 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
ธันวาคม 2560 |
วันที่ |
06 – 17 /27 ธ.ค. – 07 ม.ค. 61 |
ราคาทัวร์ |
169,000 |
บาท |
สถานที่ท่องเที่ยวในแคนาดา ข้อมูลทัวร์แคนาดา
น้ำตกไนแองการ่า (Niangara Fall) หรือ อุทยานแห่งชาติไนแองการ่า ที่ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสิ่งหนึ่งของโลก และเป็นสถานที่ดื่ม น้ำผึ้งพระจันทร์ยอดนิยมสูงสุด 1 ใน 3 ของคู่บ่าวสาวชาวอเมริกัน น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตามภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า "อเมริกัน ฟอลส์"
ออตตาวา (Ottawa) เป็นเมืองหลวงของประเทศแคนาดาและเป็นเมืองหลวงที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ด้วยความปลอดภัยและด้วยความสวยงามของเมืองออตตาวา ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วทั้งเมือง อีกทั้งยังตื่นตาตื่นใจไปกับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบในเวลากลางคืน จากการล่องเรือในแม่น้ำออตตาวาช่วงหน้าร้อนไปถึงการเล่นสเกตน้ำแข็งที่ คลอง Rideau ในช่วงหน้าหนาว ทำให้ออตตาวาเป็นเมืองที่มีกิจกรรมให้ทำตลอดทุกฤดู อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ปลอดภัย และมีประเพณีต่างๆ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์ และสวนสาธารณะให้เที่ยวชมมากมาย จนทำให้ชาวต่างชาติพากันโยกย้ายเข้ามาพำนักอาศัย ดังนั้นเราจะพบเห็นผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ คนที่นี่ใช้ชีวิตเร่งรีบในตอนกลางวัน และสนุกสนานร่างเริงในยามค่ำคืน ผู้คนในเมืองนี้สนุกสนาน และน่าประทับใจ ไปกับร้านค้า ร้านอาหาร ผับจำนวนมากต่างรวมตัวกันอยู่ในตัวเมือง นับเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างชีวิตที่เร่งรีบในตอนกลางวันและชีวิตที่สนุกสนานรื่นเริงในตอนกลางคืน และออตตาวาเป็นเมืองแห่งกิจกรรมที่ท่านสามารถทำได้ครบทุกฤดูกาล ความแตกต่างของวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม การแสดง การเมือง และความเป็นสากลทำให้เมืองหลวงแห่งนี้มีทุกอย่างยกเว้นความซ้ำซากจำเจ ซึ่งจะมอบความตื่นเต้นให้กับผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมอยู่ตลอดเวลา
คัลการี (Calgari) แห่งรัฐอัลเบอร์ด้า เมืองเศรษฐกิจมั่งคั่งด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และน้ำมัน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของรัฐอัลเบอร์ต้า และเป็นเมืองหน้าด่านสู่ เทือกเขาร็อกี้ ภูมิประเทศของรัฐ นี้จะประกอบไปด้วย เทือก เขาร็อคกี้อันสูงชัน , ทุ่งหญ้าแพรรี่อันกว้างใหญ่ , อุทยานแห่งชาติบานฟ์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ เท่ากับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ทั้งประเทศ เมืองคัลการีเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงจากการจัดงาน STAMPEDE หรือเทศกาลคาวบอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก และที่สำคัญรัฐอัลเบอร์ด้ายังมีอุตสาหกรรมที่ได้จากทรัพยากรทางธรรมชาติซึ่งสร้างความร่ำรวยให้แก่รัฐอย่างมากมายคือ การขุดน้ำมันดิบ นำท่านบันทึกภาพสนามกีฬากลาง หอคอยตึกระฟ้าของเมืองคัลการีจากบนเนินเขา ออกเดินทางสู่ คัลการีโอลิมปิคพาร์ค เพื่อชมสถานที่แข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่ คัลการีเคยเป็นเจ้าภาพ บันทึกภาพเปลวไฟในกระถางคบเพลิง พร้อมหอคอยกระโดดสกีที่เป็นฉากอยู่เบื้องหลั
เมืองโตรอนโต (Toronto) ตั้งอยู่บนฝั่งริมน้ำทางตอนเหนือของ Lake Ontario ประกอบไปด้วย 6 เขต ได้แก่ Downtown, North York, East York, York, Scarborough และ Etobicoke ซึ่งประกอบได้ด้วย 140 ชุมชนใน 6 เขตนี้ไม่เคยมีคำว่าเบื่อสำหรับเมืองโตรอนโต้ เพราะมีกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่ไม่ว่าจะเป็นกีฬาต่าง ๆ, สัมผัสวัฒนธรรม,ชีวิตกลางคืน, ตลาดและย่านช้อปปิ้งต่าง ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นเมืองที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา และเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับที่ 4 ในทวีปอเมริกาเหนือ มีประชากร 2.5 ล้านคนอาศัยอยู่ และเป็นศูนย์กลางทาด้านเศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรมของประเทศแคนาดา รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมของผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ อาทิ เช่น ชาวโปรตุเกส, ชาวอิตาลี, ชาวละตินอเมริกา และชาวเอเชีย ซึ่งเมืองโทรอนโตยังมีชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ปี พ.ศ. 2548 รัฐบาลแคนาดาได้จัดให้โตรอนโตเป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมของประเทศ
หอคอยซีเอ็นทาวเวอร์ CN Tower เป็นหนึ่งในสถานที่ๆ มีชื่อเสียงของประเทศแคนาดา และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโทรอนโต อดีตเคยเป็นหอคอยที่มีความสูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 553 เมตร สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1975 จากยอดหอคอยคุณจะได้เห็นเมืองโทรอนโตในมุมสูง รวมทั้งทะเลสาป Ontario
รอยัลออนตาริโอมิวเซี่ยม Royal Ontario Museum ตั้งอยู่ในกรุงโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญสำหรับอารยธรรมโลกและประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในทวีปอเมริกาเหนือ และใหญ่ที่สุดในแคนาดา มีสิ่งของที่แสดงกว่าหกล้านชิ้น ที่มีชื่อเสียงและนิยมดูกันก็เช่น ไดโนเสาร์ ศิลปกรรมของโลก ไม่ว่าจะเป็นของอัฟริกา เอเชีย หรือยุโรป รวมทั้งประวัติศาสตร์ของแคนาดา เป็นต้น รวมทั้งมีศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดาเช่นกัน
แวนคูเวอร์ Vancouver เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศแคนาดาและเป็นเมืองที่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.2 ล้านคน อากาศที่เย็นสบายและความสวยงามของภูมิประเทศที่ประกอบไปด้วยมหาสมุทรและหุบเขา แวนคูเวอร์แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของมณฑลบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) แต่แวนคูเวอร์ก็เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากเมืองหนึ่ง ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ โอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล อากาศอบอุ่นสบายทั้งปีพร้อมด้วยระบบขนส่งขนมวลชนที่ดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นเมืองที่สะอาดและปลอดภัย ส่งผลให้แวนคูเวอร์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทุกปี แวนคูเวอร์ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก
เมืองแวนคูเวอร์ ล่าสุดเพิ่งได้รับการจัดอันดับจากหน่วยอีไอยู ของนิตยสาร "เดอะ อีโคโนมิสต์" ให้เป็นแชมป์เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยการผลสำรวจเพื่อจัดอันดับอิง 5 ปัจจัยสำคัญ คือด้านสาธารณสุข เสถียรภาพ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การศึกษาและสาธารณูปโภคต่างๆ เมืองแวนคูเวอร์อยู่ห่างจาก Whistler,Blackcomb รีสอร์ทที่มีชื่อเสียงในการเล่นสกีระดับโลกเพียง 2 ชม. และห่างจากเมืองซีแอทเทิลของอเมริกาเพียงแค่ 3 ชม. เท่านั้น
ลักษณะภูมิประเทศอาณาบริเวณ 3 ใน 4 ของแวนคูเวอร์นี้ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักความงดงามตามธรรมชาติด้วยกิตติศัพท์ความสวยงามของ ภูมิประเทศ นอกจากนี้นักเรียนยังสามารถเดินทางไปยังเทือกเขาร็อคกี้เทือกเขาที่มีชื่อเสียงมากของประเทศแคนาดาได้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองที่มีความเป็นสากลเพราะผู้คนจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้ ผู้คนในแวนคูเวอร์จึงมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ทันสมัยและไม่เหมือนใคร มีย่านธุรกิจที่มีชื่อเสียง ที่นี่มีร้านอาหาร ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก มีร้านกาแฟบรรยากาศดีแลมีห้างสรรพสินค้ามากมายเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง นอกจากนั้นเทศกาลต่างๆ อาทิเช่น เทศกาลทางศิลปะ วัฒนธรรม อาทิเช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลดอกไม้ไฟ งานแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ก็ถูกจัดขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ ที่อาศัยอยู่ในเมืองได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ แวนคูเวอร์เป็น เมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามมีกิจกรรมกลางแจ้งประเภทต่างๆ เช่น การปีนเขา ตั้งแคมป์ การเล่นสโนว์บอร์ด การพายเรือคายัค และอีกมากมาย ทำให้ในแต่ละปียังมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเพื่อเข้ามาสัมผัสความงามของเมือง แห่งนี้เป็นจำนวนมาก และในปี 2010 เมืองแวนคูเวอร์จะเป็น เจ้าภาพในการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกฤดูหนาวอีกด้วย รับรองว่าถ้าใครได้เดินทางมายังแวนคูเวอร์จะต้องตกหลุมรักเมืองนี้อย่างแน่นอน
แคนาดาเพลส เป็น สถานที่สำคัญที่ถ้ามาเที่ยวแวนคูเวอร์แล้วต้องไม่พลาดการมาเที่ยวชมที่นี่ และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ แคนาดาเพลสเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1983 และเสร็จในปลายปี 1985 และได้รับการเปิดงานเอ็กซ์โป 86 ในโอกาสครบรอบศตวรรษของแวนคูเวอร์ อาคารหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า มียอดโดมเหมือนกาบหอยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่และชาวเมือง และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในแคนาดาเพลสมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก สามารถใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆ ได้อย่างสบายๆ
อุทยานสแตนลี่ หรือ สแตนลี่ปาร์ค stanley park ถูกจัดให้เป็นอุทยานเมื่อปี1888 อุทยานสแตนลี่นี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงเป็นเหมือนปอดอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของเมืองแวนคูเวอร์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยพื้นที่ 400 เฮคแตร์นั้น มีพืชพันธุ์ป่าฝนจำนวนมากปลูกอยู่ มีตั้งแต่ 5,000 -10,000 ต้น และมีสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามตา มีลากูนอันงดงาม แล้วในอุทยานยังเต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย เป็นอุทยานป่าที่เป็นสถานที่น่าสนใจ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวสูดบรรยากาศแห่งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมและถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกด้วยก็ คือ เสาโทเท็ม (Totem) ของเผ่าอินเดียนแดงพื้นเมือง เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า ไว้รำลึกประวัติศาสตร์ว่า บริเวณแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของอินเดียนแดงมาก่อน ซึ่งในแต่ละเสาจะมีรายละเอียด
บรรยายความเป็นมาตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ด้วย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเสาโทเท็มและวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดงนี้ ยังมีปรากฏอยู่ตามสถานที่สำคัญๆ ของเมืองหลายแห่ง กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองนี้ด้วย
ชาวเมืองแวนคูเวอร์นิยมมาที่อุทยานสแตนลี่เพื่อใช้เป็นสถานที่พัก ผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นออกกำลังกายในช่วงเช้าและเย็นเป็นประจำ ซึ่งทางการแวนคูเวอร์ได้จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่น แม้กระทั่งเก้าอี้นั่งพักผ่อนไว้ในทุกจุดของสวน ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์อย่างเต็มอิ่ม ใกล้ๆกับอุทยานสแตนลี่ยังมี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ๆ กันอีก คือบริเวณอ่าวอังกฤษ หรือ English Bay ซึ่งหากใครมีเวลา ขอแนะนำว่าให้แวะไปชื่นชมบรรยากาศของทะเลทั้งชายหาดและสภาพแวดล้อมที่งดงามกันได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมก็คือ สะพานแขวนคาปิลาโน
สะพานแขวนคาปิลาโน เป็นสะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา สะพานไม้เก่าแก่อายุ 200 กว่าปี มีความยาวถึง 230 ฟุตทอดข้ามเหวลึก เดินข้ามแล้วตื่นเต้นน่าดู
แก๊สทาวน์ (Getaway Gastown) ย่านชุมชนแรกของ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เรียกว่า แก๊สทาวน์ ซึ่งบุกเบิกโดย GASS JACK DEIGHTON ผู้ริเริ่มการเปิดผับขายเบียร์ จนกลายเป็นที่นิยมกันอย่างมากของชุมชนแก็สทาวน์ ที่นี่เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งจะสังเกตเห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพตึกเก่าอันงดงามให้ได้ชม และยังมีร้านรวงขายสินค้าเก่าๆ ในรูปแบบเดิมๆ ที่ดูแล้วสวยงามเช่นกันและที่ย่านแกสทาวน์ ยังมี นาฬิกาไอน้ำ (Gastown Steam Clock) เรือนแรกของโลก ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหัวมุมถนน เมื่อถึงเวลาจะส่งเสียงหวูด พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมาบอกเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ย่านธุรกิจสำคัญของแวนคูเวอร์จะขยับออกไปยังแหล่งอื่น แล้ว แต่ย่านแกสทาวน์แห่งนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก
พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่ออกแบบโดยสถาปนิก อาร์เทอร์ อีริคสัน สร้างขึ้นในปี 1976 อาคารพิพิธภัณฑ์ดูแปลกตาสร้างด้วยรูปแบบคานเสาแบบคลาสสิค ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมผลงานที่มนุษย์ทำขึ้นมากกว่า 15,000 ชิ้น มีเรื่องเกี่ยวกับโครงสร้างประติมากรรมมนุษย์ ถือว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่าในตัวเอง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมจะได้รับความรู้เกี่ยวชาติกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอเมริกาเหนือ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวิตสัตว์มากกว่า 8,000
ชนิด เป็นศูนย์ศึกษาด้านสมุทรศาสตร์ที่น่าสนใจด้านในมีสัตว์น้ำตัวเด่นๆ ที่ไม่ควรพลาดชมอย่าง ปลาวาฬเพชฌฆาตที่ว่ายมาจูบจมูกอาสาสมัครอย่างน่าตื่นเต้น มีปลาฉลามขาวยักษ์เขมือบเนื้อชิ้นใหญ่หมดไปในชั่วพริบตาอย่างน่าตกตะลึง และมีนากทะเลและแมวน้ำกำลังเล่นอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ใครที่ชอบสัตว์น้ำต้องมาชมกันให้ได้ และที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ยังมีมีจุดเด่นอยู่ตรงที่ปลาวาฬเบลูก้าอีกด้วย
อุทยานแห่งชาติบานฟ์ ระหว่างทางท่านอาจจะได้พบเห็นสัตว์สงวน อาทิ กวางพันธุ์ใหญ่ (ELK) ควายไบซัน หมียักษ์กรีซลี่ ฯลฯ ผ่านชมทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาร็อคกี้ จนถึง เมืองบานฟ์ เพชรน้ำเอกแห่งเทือกเขาร็อคกี้ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันสวยงาม จากนั้นนำท่านชม น้ำตก BOW FALLS ที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็ง จนกลายเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำโบว์ อีกทั้งเคยเป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ชื่อก้องในอดีตเรื่อง THE RIVER OF NO RETURN นำแสดงโดย มาริลีน มอนโร จากนั้น นำท่านนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นสู่ ยอดเขาซัลเฟอร์ ซึ่งมีความสูง 2,281 เมตร ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองบานฟ์และเทือกเขาแคนาเดี้ยนร็อคกี้ที่โดดเด่นสวยงาม บางครั้งท่านอาจจะพบสัตว์พื้นเมืองน่ารักเดิน หาอาหารอยู่บนไหล่เขา เช่น แพะภูเขา กระรอกภูเขา นก ฯลฯ
เทือกเขาร็อกกี (Rocky Mountains หรือ Rockies) เป็นเทือกเขาในอเมริกาเหนือ พาดผ่านตั้งแต่บริติชโคลัมเบียในแคนาดา ไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโกในสหรัฐอเมริกา รวมความยาวประมาณ 4,800 กิโลเมตร โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดคือ เมาท์เอลเบิร์ต ในรัฐโคโลราโด ซึ่งมีความสูงประมาณ 4,401 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นเทือกเขา
ทะเลสาบเพย์โต้ บริเวณจุดชมวิว โบวซัมมิท ชมความสวยงามตระการตาของทะเลสาบสีฟ้าครามใต้เทือกเขาแคนาเดี้ยนร็อคกี้ ที่ละลายมาจากธารน้ำแข็งเพย์โต้กลาเซียร์
ลานน้ำแข็งโคลัมเบียไอซ์ฟิลด์ (Columbia Icefield) ให้ท่านได้ชื่นชมกับธารน้ำแข็ง (Glacier) ที่มีอายุนับหลายล้านปี ซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับเมืองหนึ่งเมือง อิสระให้ท่านถ่ายภาพสวยๆงามๆ ไว้เป็นที่ระลึก (*** ช่วงปลายตุลาคมเป็นต้นไป ไม่สามารถนั่ง snow coach เข้าชมได้ เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย***)
ทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) ชมความงดงามของทะเลสาบที่มีน้ำเป็น สีเขียวมรกต ล้อมรอบด้วยสวนสน และเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี จนกระทั่งชาวผิวขาวที่เข้ามาสำรวจเพื่อวางทางรถไฟเมื่อปี 882 โดยการนำของนาย Tom Willson ได้มาพบทะเลสาบแห่งนี้และตั้งชื่อว่า ทะเลสาบมรกต และต่อมาได้ตั้งชื่อเป็นทางการว่าทะเลสาบหลุยส์ ตามพระนามขอ งเจ้าฟ้าหญิงหลุยส์ พระราชธิดาในสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย
วิกตอเรีย (รัฐบริติชโคลัมเบีย) (อังกฤษ : Victoria, British Columbia) เป็นเมืองหลวงของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ทางปลายสุดของเกาะแวนคูเวอร์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว มีประชากรประมาณ 78,659 คนในเขตเมือง วิกตอเรีย เป็นเมืองที่รู้จักกันดีในนามของเมืองแห่งสวนสวย (The Garden City) ตั้งอยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันตก และตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแวนคูเวอร์ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียง 20 นาที ไปยังแวนคูเวอร์ เมืองวิคทอเรียมีประชากรจำนวน 308,000 คน และมีสภาพภูมิอากาศแถบทะเลมิดิเตอร์เนียน ซึ่งจะมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี กิจกรรมหลักของชาวเมืองคือ การเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมต่างๆ การรับประทานอาหารในร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมายหลายรสชาติ การปิคนิคในสวนสาธารณะ และที่จะพลาดไม่ได้เป็นอย่างยิ่งคือ การล่องเรือยังเกาะ San Juan ซึ่งตั้งอยู่ในแถบกระแสน้ำเย็นทางตอนเหนือของประเทศเพื่อที่จะสังเกตดูปลาวาฬ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากไม่เพียงแต่เฉพาะชาวเมืองเท่านั้น นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็นิยมกิจกรรมนี้เช่นกัน และการไปเยี่ยมชมสวน Buchart ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลก
สวนบุชชาร์ต Butchart gardens เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ ทวีปอเมริกาเหนือ และได้รับการตั้งให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งประเทศแคนาดา (The National Historic Site of Canada) ตั้งอยู่ในเมือง Victoria รัฐ British Columbia ทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา ติดกับรัฐ Washington ของสหรัฐอเมริกา
ประวัติการก่อตั้งสวนบุชชาร์ต ครอบครัวบุชชาร์ตซึ่งได้อพยพมาบุกเบิกที่เมือง วิคตอเรีย แห่งนี้ ตอนนั้นครอบครัวบุชชาร์ตมีกันอยู่ แค่ 2 คน คือตัวสามีชื่อ นายโรเบิร์ต พิม บุชชารต์ และภรรยาคือ นางเจนนี่ บุชชาร์ต (เดิมคือ เจนนี่ ฟอสเตอร์ เคเนดี้) ซึ่งทั้งคู่ย้ายมาจากเมือง ออนตาริโอ้ ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแคนาดา พอมาอยู่ที่เมืองวิคตอเรียนี้ ด้วยความที่เป็นคนมีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล นายโรเบิร์ต ก็คิดทำกิจการปูนซีเมนต์ เพราะลองสำรวจพื้นที่บริเวณอ่าว ท้อด อินเลท (Tod Inled) นี้แล้วมองเห็นว่าเหมาะจะสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ เพราะถ้าเลยไปทางเหนืออีกแค่ประมาณ 14 ไมล์ (ประมาณ 22 กม.) บนคาบสมุทรซานิค (Saanich Peninsula) ก็มีแหล่งหินปูนที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบได้มากมาย คิดได้ดังนั้นเขาก็เริ่มลงมือทำและนอกจากนี้ทิวทัศน์แถบนี้ก็สวยงาม ถึงจะป็นเวิ้งอ่าวแต่ก็มีที่กำบังลมเป็นทำเลที่เหมาะจะสร้างบ้านลงหลักปักฐานจากนั้นเขาก็เริ่มสร้างบ้านขึ้น และแล้วเสร็จในปี 1904 พร้อม ๆ กับผลผลิตจากโรงงานปูนซีเมนต์ของเขาก็เริ่มบรรทุกใส่เรือแล่นสู่ตลาดการค้า ตั้งแต่ปี 1905 ด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนนางเจนนี่ บุตชาร์ต นั้น เธอก็มีนิสัยชอบอะไรใหม่ ๆ ตัวเธอชอบกิจกรรมผาดโผน เช่น ชอบขี่ม้า ขับเครื่องบิน และยังเคยบินไปกับเพื่อนนักบินชาวฝรั่งเศสที่บินข้ามช่องแคบอังกฤษได้เป็นคน แรกด้วย เธอมีความสามารถหลายอย่างเป็นศิลปินนักวาดภาพสมัครเล่นที่เก่งขนาดได้รับทุนให้ไปเรียนต่อถึงกรุงปารีสแต่ก็ต้องยอมสละไปเพราะเธอเลือกที่จะแต่งงานแล้วตามสามามาอยู่ที่เมืองวิคตอเรีย
เมื่อแรกเริ่มเจนนี่ตั้งใจจะทำสวนนี้เป็นแค่สวนเล็ก ๆ ระหว่างบ้านที่เธออยู่และโรงงานปูนซีเมนต์เพียงเท่านั้น จุดเริ่มต้นของสวนนี้มาจากที่เธอได้รับของขวัญเป็นต้นถั่วและต้นกุหลาบต้นเล็ก ๆ จากเพื่อนแล้วเธอก็ปลูกมันไว้ข้าง ๆ บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จโดยที่เธอก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นจุดกำเนิดของสวนอันสวยงามที่จะมีชื่อเสียง ต่อมาอีกเป็นร้อยปี เมื่อทำสวนได้สวยคนก็พูดกันไปปากต่อปาก (ชาวตะวันตกนิยมการจัดสวนดอกไม้ โดยเฉพาะชาวอังกฤษที่มีประเพณีดื่มชาในสวน) เรื่องราวเกี่ยวกับสวนนี้ก็เริ่มแพร่กระจายขยายวงกว้างพอ ๆ กับการขยายพื้นที่ของสวนไปด้วย นายและนาง บุตชาร์ต เริ่มสนุกกับการต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมชมสวน พวกเขาเลยตั้งชื่อสวนนี้ว่า เบนเวนูโต ซึ่งหมายถึง ยินดีต้อนรับ ในภาษาอิตาเลี่ยน นอกจากต้อนรับให้ชมสวนแล้วสองสามีภรรยายังจัดเลี้ยงน้ำชาแก่ผู้ที่มาชมด้วย เคยมีบันทึกไว้ว่า ในปี 1915 ปีเดียวมีผู้มาเยี่ยมชมกว่าสองหมื่นคนเลยทีเดียว
สวนนี้นับเป็นความสำเร็จของคนทั้งสอง เพราะเมื่อภรรยาคิดจะทำสวน สามีเองก็สนับสนุนด้วยการส่งแรงงานจากโรงงานปูนซีเมนต์ของตัวเองมาช่วยอย่างเต็มที่ ตอนนั้นถ้าใครมาดูก็คงนึกภาพสวนสวยที่สะพรั่งไปด้วยดอกไม้ไม่ออกแน่ ๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนั้นมีแต่กองอิฐ หิน แตก ๆ หัก ๆ วางกองเกลื่อนระเกะระกะไปหมด เมื่อพื้นที่แต่เดิมเป็นเหมืองการปรับสภาพให้กลายเป็นสวนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เช่นกำแพงเหมืองที่ดูไม่สวยงามนั้น นางบุตชาร์ตก็คิดแก้ปัญหาด้วยการแขวนพันธุ์ไม้เลื้อยต่าง ๆ อย่างต้นไอฟี่ตามซอกหรือรอยแตกของหินตามกำแพง
เมื่อตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 สวนต้องพบปัญหาอย่างหนักเพราะขาดแรงงานที่จะมาช่วยดูแล และด้วยอายุที่มากขึ้นสุขภาพร่างกายเริ่มเสื่อมถอย ทั้งนายและนาง บุตชาร์ตต้องย้ายหลบหนีสงครามไปหาที่สงบที่อื่นอยู่ซึ่งต่อมานายบุตชาร์ตก็ ได้เสียชีวิตลงก่อนเมื่อปี 1943 หลังจากนั้นมาอีก 7 ปี นางบุตชาร์ตก็เสียชีวิตตามไป
จากความเสียสละที่ได้สร้างสวนสวยขึ้นมาจนโด่งดัง สร้างคุณูปการให้กับประเทศแคนาดาซึ่งเห็นได้จากยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่ม ขึ้น ทางการของเมืองวิคตอเรียจึงได้ตอบแทนนายบุตชาร์ตด้วยการมอลกุญแจเมืองโบราณ เป็นเกียรติยศ เพื่อแสดงความเป็นบุคคลสำคัญของเมือง และได้จัดพิธีเฉลิมฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย ทายาทรุ่นต่อมา คือนาย เอียน รอส ซึ่งเป็นรุ่นหลานได้พัฒนาสวนนี้ต่อ เขามีความคิดที่จะเปิดสวนนี้ในตอนกลางคืนด้วย เพื่อแสดงความสวยงามของสวนในยามราตรีโดยใช้เทคนิคแสงและเงา ปัจจุบัน นายเอียน รอส ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อปี 1997 ต่อมาลูกชายของเขาชื่อ นายคริสโตเฟอร์ รอส ก็ได้สืบทอดกิจการของตระกูล แต่ก็น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นทายาทที่สืบทอดเจตนารมย์และดำเนินกิจการดูแลสวนแห่งนี้ต่อมาจนถึงปัจจุบันก็คือน้องสาวของนายเอียน รอส หรือนางโรบิน ลี คลาร์ค นั่นเอง
สวนนี้มีอายุกว่า 100 ปี โดยฉลองครบร้อยปีกันไปเมื่อ ปี 2004 ถ้านับจนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 105 ปีแล้ว แต่ละปีก็มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนเลยทีเดียว
ควิเบก (ฝรั่งเศส: Ville de Québec) อ่านในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสว่า เกเบก[1] หรือ ควิเบกซิตี (Québec City ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษ) เป็นเมืองหลวงของรัฐควิเบก โดยควิเบกเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัฐรองมาจากมอนทรีออล ตัวเมืองอยู่ห่างจากมอนทรีออล 233 กิโลเมตร ตัวเมืองจะมีจุดที่เป็นเมืองเก่า (Vieux-Québec) ซึ่งเป็นเมืองที่เก่าที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1608 โดยในส่วนเมืองเก่านี้เองได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก[2] เมืองควิเบกมีประชากร 494,142 คน (สัมมโน 2549[3]) ชื่อเมือง เกเบก เป็นภาษาของอินเดียนแดงเผ่าอัลกอนควิน จากคำว่า Kébec หมายถึงจุดที่แม่น้ำแคบเข้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งของเมืองควิเบกพอดี
อุทยานแห่งชาตินาฮานนี (อังกฤษ: Nahanni National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาแมกเคนซี อยู่ในเขตนอร์ธเวสต์ เทอร์ริทอรี ประเทศแคนาดา มีเนื้อที่ 4,765 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินปูนเป็นเนินสูงต่ำ มีถ้ำและน้ำพุร้อน อุทยานแห่งนี้ได้รับประกาศเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1976
ทะเลสาบสปอท เลค (Spotted Lake) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)
มอนทรีออล (อังกฤษ: Montreal หรือ Montréal) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตการปกครองของรัฐควิเบก และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศแคนาดา มอนทรีออลเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดถึงในยุคทศวรรษ 1970 หลังจากนั้นเมืองโตรอนโตก็แซงหน้าไป เดิมเมืองมีชื่อว่า Ville-Marie ('City of Mary') (เมืองของแมรี)
ภาษาทางการของมอนทรีออลคือ ภาษาฝรั่งเศส จากข้อมูลในเอกสารทางการ มอนทรีออลยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่มีประชากรพูดภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดในโลก รองจากปารีสในปี 2007 นิตยสารฟอร์บ จัดอันดับให้เมืองมอนทรีออลอยู่อันดับ 10 ของเมืองที่สะอาดที่สุดในโลก และในปี 2008 นิตยสารโมโนเคิล จัดอันดับให้เมืองมอนทรีออลอยู่ที่อันดับ 16 ใน 25 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก มอลทรีออลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ มีสภาพแวดล้อมซึ่งได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีแถบชานเมือง เต็มไปด้วยสวนสาธารณะ ต้นไม้ และ ดอกไม้ที่งดงามประเภทต่างๆ ตัวเมือง ประกอบด้วยชุมชนต่างๆ กว่า 80 ชุมชน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศสเข้ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวแคนนาดาผู้คนในเมืองนี้ส่วนใหญ่จึงพูดภาษาฝรั่งเศส ทำให้มอลทรีออลเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรที่พูดภาษาฝรั่งเศส แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนกว่าครึ่งล้านคนในมอลทรีออลยังคง นิยมพูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นมอลทรีออล จึงกลายเป็นเมืองที่ผู้คนสามารถพูดได้ 2 ภาษา
อากาศในช่วงหน้าร้อนจะเย็นสบาย ผู้คนที่นี่จึงมีความสุขกับการออกมาเล่นกีฬา ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ออกมาเดินเล่นบนท้องถนนหรือในสวนสาธารณะและโดยเฉพาะในสวนสาธารณะ Mount Royal สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา ฤดูหนาวของที่นี่จะหนาวเย็นมาก ผู้คนจึงนิยมเล่นกีฬาฮ็อคกี้น้ำแข็ง สกี สเก็ตน้ำแข็ง มอลทรีออลเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “เมืองแห่งเทศกาลรื่นเริง” เพราะเป็นเมืองที่มีการจัดเทศกาลต่างๆ มากมาย ผู้คนนิยมจัดงานเฉลิมฉลองตลอดทุกฤดูกาล
View แผนที่ทัวร์แคนาดา เที่ยวแคนาดา TOUR CANADA MAP in a larger map
ทัวร์ต่างประเทศ : ทัวร์แคนาดา เที่ยวข้อมูล ข้อมูลแคนาดา
ประเทศแคนาดา
แคนาดา (อังกฤษและฝรั่งเศส: Canada) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นพระมหากษัตริย์ (หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง)
ดินแดนที่เป็นประเทศแคนาดาในปัจจุบันในอดีตมีผู้อยู่อาศัยอยู่แล้วเป็นชนพื้นเมืองหลากหลายกลุ่ม เมื่อตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 นักสำรวจเดินทางชาวอังกฤษและฝรั่งเศสได้เข้ามาสำรวจ และต่อมาจึงมีการตั้งรกรากขึ้นบนแถบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี ค.ศ.1763 ฝรั่งเศสได้ยอมสูญเสียอาณานิคมเกือบทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือหลังจากสงครามเจ็ดปี ในปี ค.ศ.1867 มีการรวมตัวของอาณานิคมของอังกฤษ 3 แห่งขึ้น และประเทศแคนาดาก็ถือกำเนิดขึ้นในรูปแบบของเขตปกครองสหพันธรัฐ ประกอบด้วย 4 รัฐ และนี่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มจำนวนขึ้นของรัฐและดินแดนต่างๆ และกระบวนการได้รับอำนาจปกครองตนเองจากสหราชอาณาจักร รัฐบัญญัติแห่งเวสต์มินสเตอร์ในปี ค.ศ.1931 ได้เพิ่มอำนาจปกครองตนเองและเป็นผลให้เกิดพระราชบัญญัติแคนาดาในปี ค.ศ.1982 ซึ่งมีผลให้แคนาดาตัดขาดจากการขึ้นตรงต่ออำนาจของรัฐสภาอังกฤษ
ประเทศแคนาดา ประกอบด้วยรัฐ 10 รัฐ และดินแดน 3 แห่ง และปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ทรงเป็นพระประมุขสูงสุด แคนาดาเป็นประเทศที่ใช้ภาษาทางการ 2 ภาษาทั้งในระดับประเทศและในรัฐนิวบรันสวิก ภาษาทางการ 2 ภาษานั้นคือ ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แคนาดาเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเป็นประเทศอุตสาหกรรม มีเศรษฐกิจที่หลากหลาย ซึ่งพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และพึ่งพาการค้าขาย โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่แคนาดามีความสัมพันธ์อันยาวนานและสลับซับซ้อน
ประวัติศาสตร์แคนาดา ฝรั่งเศสได้เข้ายึดครองแคนาดาฝั่งตะวันออกในปี พ.ศ. 2077 (ค.ศ. 1534) และได้เริ่มตั้งถิ่นฐานในปี พ.ศ. 2147 (ค.ศ. 1604) ปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) อันเนื่องจากเหตุผลด้านการประมงและการค้าขนสัตว์ ซึ่งในที่สุดดินแดนแคนาดาก็ตกเป็นของอังกฤษ
ปี พ.ศ. 2392 (ค.ศ. 1849) แคนาดาได้รับการยอมรับในสิทธิการปกครองตนเอง และต่อมาปี พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) ได้มีการจัดตั้ง อาณาจักรแคนาดา (Dominion of Canada) ในลักษณะของสหพันธรัฐซึ่งประกอบด้วยอัปเปอร์แคนาดา (Upper Canada) และโลว์เออร์แคนาดา (Lower Canada) (ได้แก่ ออนแทรีโอ ควิเบก โนวาสโกเชีย และนิวบรันสวิกในปัจจุบัน) ซึ่งต่อมาได้ขยายออกไปทางภาคตะวันตกจนถึงรัฐบริติชโคลัมเบีย
ปี พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) แคนาดาได้รับสถานะเป็นประเทศที่เท่าเทียมกับอังกฤษโดยมีกษัตริย์อังกฤษเป็นพระประมุข และต่อมาในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ก็ได้เข้าร่วมเป็นรัฐที่สิบของแคนาดา
การแบ่งเขตการปกครองดูบทความหลักที่ เขตการปกครองของแคนาดา
แคนาดาเป็นสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 10 รัฐ (provinces) และ 3 ดินแดน (territories) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรัฐกับดินแดนคือ รัฐของแคนาดาได้รับมอบอำนาจจากบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง ขณะที่ดินแดนของแคนาดาจัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายของสหพันธรัฐ ดังนั้น รัฐบาลสหพันธ์จึงมีอำนาจโดยตรงในการควบคุมดูแลดินแดน ส่วนรัฐบาลของรัฐนั้นจะมีอำนาจและสิทธิในการปกครองตนเองมากกว่า
รัฐและดินแดนของแคนาดามีรายชื่อดังต่อไปนี้
รัฐ
แอลเบอร์ตา
บริติชโคลัมเบีย
แมนิโทบา
นิวบรันสวิก
นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์
โนวาสโกเชีย
ออนแทรีโอ
ปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์
ควิเบก
ซัสแคตเชวัน
ดินแดน
นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์
นูนาวุต
ยูคอน
ภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออกจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิกและรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา
พื้นที่ 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
เศรษฐกิจแคนาดาเป็นประเทศเดียวในกลุ่มจี 8 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญเนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรการการค้าที่เสรีและโปร่งใสมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แคนาดาเป็นประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถึงร้อยละ 45 สำหรับการส่งออก และร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้า รูปแบบการค้าและการลงทุนของแคนาดาจะพึ่งพิงกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่สุดระหว่างกันทั้งการนำเข้าและการส่งออก อีกทั้งยังมีการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (North American Free Trade Agreement: NAFTA) ซึ่งยิ่งช่วยเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับระบบภาษีนำเข้าของแคนาดาประมาณ ร้อยละ 90 เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0 อีกทั้งยังให้สิทธิพิเศษแก่สินค้าที่นำเข้าจากประเทศด้อยพัฒนา ยกเว้นในสินค้าประเภทนม สัตว์ปีกและไข่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แก๊สธรรมชาติ ทองคำ ถ่านหิน เหล็ก นิกเกิล โพแทช ยูเรเนียม สังกะสี รวมทั้งป่าไม้
อุตสาหกรรมที่สำคัญของแคนาดา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารและคมนาคม เหมืองแร่ และพลังงาน
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่ เครื่องยนต์ รถยนต์ กระดาษ ไม้เนื้ออ่อน พลังงานปิโตรเลียมดิบ แก๊สธรรมชาติ ไฟฟ้า อะลูมิเนียม อุปกรณ์สื่อสาร ชิ้นส่วนอากาศยาน ระบบคอมพิวเตอร์
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักร น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร
ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และเยอรมนี
ภาคการบริการเป็นภาคกิจการที่สำคัญที่สุดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารชั้นนำของแคนาดา 6 แห่ง เป็นหนึ่งใน 100 ธนาคารชั้นนำของโลก และมีสาขาอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ รวมถึงธนาคารโนวาสโกเชียซึ่งมีสาขาอยู่ในไทยด้วย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ทำให้แคนาดาสามารถพัฒนาความก้าวหน้าในภาคกิจการนี้เป็นอย่างมาก
ประชากรจำนวนประชากร:32.601.360 ล้านคน (2551)
วัฒนธรรมสังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่าง ๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี พ.ศ. 2534 - 2543 คือคนจากเอเชีย (จีน อินเดีย ปากีสถาน ลาว เขมร เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อิหร่าน) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา
โดยในปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) รัฐสภาแคนาดาได้ออกกฎหมายคนเข้าเมืองตามข้อเสนอของพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้จนทุกวันนี้ สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือการยกเลิกการเลือกปฏิบัติ (ก่อนหน้านี้ มีการออกกฎหมายปี พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1887) เพื่อกีดกันการเข้าเมืองของคนจีน และต่อมาปี ค.ศ. 1910 ได้ออกกฎหมายที่ใช้หลักการแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น preferred ซึ่งคือ กลุ่มคนยุโรป และ non-preferred ได้แก่ กลุ่มที่ไม่ใช่ยุโรป) กล่าวคือ การเปิดรับคนเข้าเมืองจากทุกที่อย่างเป็นทางการทั่วไป และการใช้วิธีการคิดคะแนนประเมินน้ำหนัก (point system) ว่าสมควรรับผู้ใดเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแคนาดา ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แคนาดามองเรื่องการรับคนเข้าไปตั้งถิ่นฐานอย่างเป็นการถาวร เพื่อเป็นฐานการเก็บภาษีให้แก่รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐ
ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือ การส่งเสริมและเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สังคมแคนาดาจะสนใจอย่างยิ่งต่อพัฒนาการในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ศาสนา โรมันคาทอลิก (ร้อยละ 42) โปรแตสแตนต์ (ร้อยละ 40) อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และยิว (ร้อยละ 18)
การศึกษาแคนาดาการศึกษาแคนาดาแคนาดาเป็นประเทศที่สงบเงียบ ปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันมีสภาพเศรษฐกิจดี รัฐบาลแคนาดาใส่ใจความเป็นอยู่ของประชากรอย่างมากดังนั้นการศึกษาในประเทศแคนาดาจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
ยู. แทรเวล วาเคชั่นส์ บริษัททัวร์ต่างประเทศชั้นนำ บริการทำแลนด์แก่บริษัททัวร์ทั่วประเทศ จัดทัวร์แคนาดา จัดทำแพคเกจทัวร์แคนาดา บริการข้อมูลท่องเที่ยวแคนาดา จัดหาตั๋วเครื่องบินสู่ประเทศแคนาดา จองโรงแรมที่พักแคนาดา จัดประชุมสัมนาที่ประเทศแคนาดา งานแสดงสินค้าที่ประเทศแคนาดา รถทัวร์แคนาดา วีซ่าแคนาดา ศึกษาต่อแคนาดา
ยู. แทรเวล วาคเช่นส์ บริษัททัวร์ชั้นนำ รับจัดทัวร์แคนาดากรุ๊ปพิเศษสำหรับท่านที่สนใจเดินทางไปสัมผัสประเทศแคนาดาด้วยตนเองกับรายการทัวร์แคนาดา
ติดต่อ ยู.แทรเวล วาเคชั่นส์ แลนด์แคนาดาในประเทศไทย
โทร. 02-4282114
Email: u.travel@hotmail.com