วันแรก |
กรุงเทพฯ (Bangkok) – โดฮา (Doha) |
B- |
L- |
D- |
17.00 น. สมาชิกพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เคาน์เตอร์ Q ประตูทางเข้าที่ 8 เจ้าหน้าที่ คอยอำนวยความสะดวก และทำการเช็คอิน
20.00 น. บินสู่ โดฮา (Doha) โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ QR 835 BKK DOH 20.00 – 22.50 (7.14 ช.ม) เชิญเพลิดเพลินกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน
22.50 น. ถึง สนามบินกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ พักเปลี่ยนอิริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง
วันที่สอง |
ดูไบ (Dubai)– คาซาบลังกา (Casablanca) – ราบัต(Rabat) – แทนเจียร์ (Tangier) |
B- |
L1 |
D1 |
01.35 น. บินต่อ สู่เมืองคาซาบลังกา สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ( Codeshare ) รอยัลแอร์มาร็อค เที่ยวบิน AT/QR 4567 DOH CMN 01.35 – 07.30 บินต่ออีกประมาณ 7.55 ชั่วโมง (รวมเวลาบิน และเปลี่ยนเครื่อง 18.05 ชม.)
07.30 น. เครื่องลงจอดที่สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่นในประเทศโมรอคโค ช้ากว่าประเทศไทย 6 - 7 ช.ม.) หลังผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค (ระยะทาง 115 กม.เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)
ชมเมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส ตั้งแต่ปีค.ศ.1956 เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (โมฮัมเหม็ดที่ 6) ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น เนื่องจากแผ่นดินไหวที่เมืองลิสบอนของปรตุเกสในปีคศ. 1775
นำท่านชม ป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมรอคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโคในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมืองแทนเจียร์ (Tangier) (ระยะทาง 252 กม.เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) เป็นเมืองริมชายฝั่ง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก และอยู่ทางตอนใต้ของ “ช่องแคบยิบรอลตาร์” (Strait of Gibraltar) ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของโมร็อกโคอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเมืองแทนเจียร์ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ไม่น้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ อีกทั้งรอบ ๆ ตัวเมืองยังมีความโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม รวมไปถึงหาดทรายและผู้คนที่แสนจะเป็นมิตร ชมวิว”ช่องแคบยิบรอลต้า” ที่คั่นแบ่งระหว่างทวีปยุโรป และ ทวีปแอฟริกา ด้วยระยะห่างเพียง 14 กิโลเมตร ตามตำนานเล่าว่า เป็นเพราะเทพเฮอร์คิวลิส ที่ต้องการเดินทางผ่านไปยังสุดขอบตะวันตกจึงยกแผ่นหินออกทำให้เกิดเป็น “ช่องแคบยิบรอลตาร์” (Strait of Gibraltar) ซึ่งแบ่งทวีปยุโรป และ ทวีปแอฟริกาออกจากกัน
จากนั้นนำชม แกรนด์ ซัคโค (Grand Socco) หรือที่รู้จักกันว่า "บิ๊กสแควร์" จัตุรัสที่รายล้อมไปด้วยเขตเมืองเก่า หรือย่านเมดินา ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองแทนเจียร์ อีกทั้งยังถือว่าเป็นตลาดหลักของเมือง และมีท่าเรือเฟอรี่ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศสเปนอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม HOTEL FARAH TANGIER ระดับ 5 * หรือเทียบเท่า
วันที่สาม |
แทนเจียร์ (Tangier) – เชฟชาอูน (Chefchaouen) – เฟส (Fes) |
B1 |
L2 |
D2 |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านเดินทาง สู่ นครสีฟ้า เชฟชาอูน (Chefchaouen) (ระยะทาง 112 กม.เวลาเดินทางประมาณ 2.00 ชม.) เมืองที่ได้ชื่อว่า “ มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโค “ แม้ว่า โมรอคโคจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่เพราะการที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงทำให้ภูมิอากาศของประเทศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของอิตาลีและ สเปน
เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 540 ปี ในอดีตก่อนที่โมรอคโคจะได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมดในปี 1956 เมืองเชฟชาอูน เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 กว่าคน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย
นำท่านเดินชมเมืองเชฟชาอูน เมืองที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้า เป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ประกอบกับอากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนมิรู้ลืม
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่เมือง เมคเนส (Meknes) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหว ครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมือง โบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1997
จากนั้น เดินทางสู่เมืองเทคเนส (Meknes) ผ่านเมือง มูเล่ ไอดริส (Moulay Idriss) เมืองโรมันโบราณเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆ ปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอารเบีย
เมืองเมคเนส (Meknes) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ มี กำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด เมืองเมคเนส (Meknes) เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996
เดินทางสู่ เมืองเฟส (Fes) (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ ซึ่งเฟสเป็นเมือง ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ ของโมรอคโค และเป็นเมืองหลวงเก่า ที่มีความความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาตั้งแต่ยุค ศตวรรษ ที่ 8
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม LES MERINIDS HOTEL ระดับ 5 * หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ |
เฟส (Fes) |
B2 |
L3 |
ฺD3 |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านชมประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินา เมืองเฟส ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 9,400 ซอย มีซอยแคบสุดคือมีความกว้างเพียง 50 ซ.ม. จนถึงความกว้าง 3 เมตร
ในย่านเมืองเก่า จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รส และกลิ่น ในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่าบางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้นแวะชมภายนอกสุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยชายชาวมุสลิมจะมาขอพรก่อนการเข้าสุหนัตและหญิงสาวชาวมุสลิมมักจะมาขอพรเพื่อให้ได้บุตร ชมภายนอกสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque)ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว(เฉพาะผู้นับถือศาสนาอิสลามท่านั้น)
ชมย่านเครื่องหนังและชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณประจำเมืองเฟส (Chouara Tannery) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ เมืองเฟส จึงเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่จุดชมวิวเมืองเฟส ชมบรรยากาศเมืองเฟสจากที่สูง เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศโมร็อคโค มีประชากรราว 1 ล้านคน เมืองที่ได้รับการขนานนามว่า "มักกะฮ์แห่งตะวันตก" และ "เอเธนส์แห่งแอฟริกา
นำท่านชม เมเดอร์ซา (Merdersa) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ มีสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ชมร้านทองเหลือง ซึ่งช่างฝีมือที่ทำทองเหลืองเป็นช่างที่ได้รับการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน ในอดีตช่างฝีมือ และ ช่างหัตถกรรมเหล่านี้ได้สร้างสรรค์ผลงานอันวิจิตรงดงามในแคว้น อัล อันดาลูซ ประเทศสเปนเมื่อครั้งที่ชาวโมรอคคันเบอร์เบอร์ปกครองแคว้น อัล อันดาลูซ ของสเปน และชมการผลิตโมเสค (Mosaic) และเครื่องใช้ที่ทำจากเซรามิค
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม LES MERINIDS HOTEL ระดับ 5 * หรือเทียบเท่า
*** คืนนี้ กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้า และของใช้จำเป็น ใส่กระเป๋าเล็ก เพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่า ในคืนพรุ่งนี้ ***
วันที่ห้า |
เฟส (Fes) – อิเฟรน (Ifrane) - มิเดลท์(Midelt) – แอร์ฟูด์ (Erfoud) – เมอร์ซูก้า(Merzouga) |
B3 |
L4 |
D4 |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิเฟรน (Ifrane) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.)
อิเฟรน (Ifrane) เป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นบริเวณนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน บ้างก็เรียกเมืองอิเฟรนว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโมรอคโค” บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้ และทะเลสาบสวยงาม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองและเก็บภาพบรรายากาศอันสวยงามอีกแห่งของโมรอคโค ถ่ายรูปกับอนุสรณ์สิงห์โตหิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสิงห์โตตัวสุดท้ายที่ถูกล่าจนหมดไปจากเทือกเขาแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมือง มิเดลท์ (Midelt) (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลา 2.20 ชม.)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) (ระยะทาง 268 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)
เมืองในทะเลทรายซาฮาร่า (ระยะทาง 268 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) ผ่านเมือง เออราชิดิยา (Errachidia) เมืองที่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนของประเทศแอลจีเรีย เดินทางสู่เมืองเอร์ฟูด์ (Erfoud) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอารเบียและซูดานในแอฟริกา
นำท่านพร้อมสัมภาระ(ใบเล็ก) เดินทางโดยรถ 4x4 เข้าสู่ทะลทรายซาฮารา เมอร์ซูก้า (Merzouga) (ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลา 45 นาที) ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิล ของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ ในอดีต เมื่อประมาณ 350 ล้านปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่เมอร์ซูก้า
พัก เต๊นท์ แบบลักซูรี่ LUXURY CAMP (มีห้องน้ำในตัว) ในทะเลทรายซาฮาร่า หรือเทียบเท่า
*** เชิญท่าน เพลิดเพลินกับบรรยากาศของทะเลทรายซาฮาร่า ยามค่ำคืน และ ชมดวงดาวบนท้องฟ้า ***
วันที่หก |
มอร์ซูก้า (Merzouga) - ทินเฮียร์ (Tinerhir) – ทอดร้ากอร์จ(Todra Gorge)- วอซาเซท(Ouarzazate) |
B4 |
L5 |
D5 |
เช้าตรู่ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า (ขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว)
ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งเป็นภาพที่สวยงาม น่าประทับใจ ได้เวลานำท่านขี่อูฐกลับสู่โรงแรมที่พัก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่เมืองเอร์ฟูด์(Erfoud) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ช เดินทางสู่เมืองทินเฮียร์ แวะชมโอเอซิส Tinerhir ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากเมืองวอซาเซท ผ่านหุบเขาดาเดดส์ (Dades) ซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม จากนั้นเดินทางสู่ ทอดร้ากอร์จ (Todra Gorge) โกรกธารที่มีโขดผาสูง 985 ฟุต หรือ 300 เมตร ทั้งสองด้านที่เกือบตั้งทำมุมสามเหลี่ยมกับแม่น้ำโทดร้า ถือว่าเป็นโกรกธารและหุบเขาที่สวยที่สุดทางใต้ของโมรอคโค ชมความงดงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส โดยมี ลำน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการเสี่ยงภัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองที่ถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว – ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.– เม.ย.)) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขา แอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว
เมืองวอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน ก่อนถึงเมืองซอซาเซท แวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่เมือง มากูน่า (M’Gouna) (เทศกาลกุหลาบจะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม KARAM PALACE HOTEL ระดับ 4* หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด |
วอซาเซท(Ouarzazate) – มาราเกช (Marakech) |
B5 |
L6 |
D6 |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำชมป้อมทาอูเริท (Kasbah Taourirt) พระราชวังของผู้ปกครองมาราเกซ ตระกูล กลาวี (Glaoui Palace) เป็นป้อม ดิน หรือ วังที่สร้างจากดิน ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องหับต่างๆจำนวนมากรวมถึงฮาเร็ม และที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเล็กๆอยู่ภายใน ในห้องต่าง ๆ ยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในป้อมทาอูเริทนี้ในอดีตมีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง บางห้องก็ว่างเปล่า ยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด
จากนั้นเดินทางสู่เมืองไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou) ชมเมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่อาคารต่าง ๆสร้างจากดิน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่เมืองมาราเกช (Marakesh) โดยข้ามส่วนที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอตลาส ระหว่างทาง แวะถ่ายภาพทิวเขาและภาพถนนที่คดเคี้ยวบนเทือกเขาแอตลาส แวะชมสหกรณ์แม่บ้านเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นแหล่งผิลต น้ำมันอาร์กัน (Argan Oil) ให้ท่านได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาร์กันที่มีเชื่อเสียงอันที่รู้จักไปทั่วโลก จากนั้นเดินทางต่อสู่เมือง มาราเกช (Marakesh) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆที่นำสินค้าจากทางตอนใต้ ไปขายยังยุโรป และ นำสินค้าจากทางเหนือ ผ่านเทือกเขา ไฮแลตลาส ไปยังทะเลทราย ซาฮาร่า ไปยังตอนใต้ นอกจากนี้ เมืองมาราเกช ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงหลายราชวงส์ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศ.ต.ที่ 11 ราชวงศ์อัลโมฮัด และ ราชวงศ์ซาเตียน
นำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง Djemaa El Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
พักที่ โรงแรม KENZI MENARA HOTEL ระดับ 5 * หรือเทียบเท่า
วันที่แปด |
มาราเกช (Marakech) – คาซาบลังกา(Casablanca) |
B6 |
L7 |
D7 |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านไปชมสวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้ที่สดใส ฉูดฉาด เช่นสีน้ำเงิน และสีส้ม เป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมการจัดวางพรรณไม้อันหลากหลาย แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงามและลงตัว
ชม คูโตเบีย (Kutobia Mosque) เป็นสุเหร่า ที่มีหอคอยสูง ถึง 70 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์ อัลโมฮัด ซึ่งเป็นหอคอย 1 ใน สามพี่น้อง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ถึงความยิ่งใหญ่ ในสมัยราชวงศ์นี้ ชมซากสุเหร่าซึ่งเป็นอนุสรณ์ แห่งความขัดแย้งของ 2 ลัทธิ ซึ่งมีมาในอดีต
นำท่านชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น สร้างขึ้นและตั้งชื่อวังตามชื่อของภรรยาคือ นางบาเฮีย ซี่งมีรูปโฉมที่งดงาม เป็นที่รักใคร่ยิ่งของท่านมหาอำมาตย์ พระราชวังแห่งนี้มีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) บนเพดานและบานประตูมีการวาดลายโดยใช้สีธรรมชาติบนไม้สนซีดาร์ และผนังประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก ชมสวนในบ้านซึ่งเป็นสไตล์ริยาด (Riad) ประกอบไปด้วยลานกลางบ้าน ซึ่งประดับด้วยน้ำพุ และสวนไม้ดอก ไม้ประดับ ตามสไตล์การแต่งบ้านแบบโมรอคโค
นำท่าน สัมผัสประสบการณ์ย้อนอดีต สู่ยุคโบราณ นั่งรถม้า ชมเมืองมาราเกช เมืองที่ผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ต้องการมาอยู่ ณ เมืองแห่งนี
ปัจจุบัน มาราเกช เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางสู่ 'คาซาบลังก้า' (ระยะทาง 237 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.)
คำว่า 'คาซา' แปลว่า บ้าน และ 'บลังก้า' แปลว่า สีขาว คาซาบลังก้า เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า 'ราชอาณาจักรโมรอคโค' (Kingdom of Morocco) ด้วยซ้ำเพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้วยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Casablanca (โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้าเลย) เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และปัจจุบันเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของโมรอคโคที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณเกือบ 5 ล้านคน ถึงคาซาบลังก้า นำท่านช้อปปิ้งที่ห้าง Morocco Mall เป็นห้างที่ไฮโซ และเศรษฐี ในคาซาบลังก้า นิยมมาจับจ่าย ซื้อสินค้าแบรนด์ดัง จากนั้นนั่งรถชมบรรยากาศ ริมมหาสมุทรแอตแลนติคยามค่ำคืน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่ภัตตาคาร
พักที่ โรงแรม KENZI TOWER HOTEL ระดับ 5* หรือเทียบเท่า
วันที่เก้า |
คาซาบลังกา(Casablanca) – ดูไบ (Dubai) |
B7 |
L- |
ฺD- |
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์
นำท่านชม สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (HASSAN II MOSQUE) สุเหร่า ฮัสซันที่ 2 เริ่มสร้างเมืองปี ค.ศ. 1980 สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1993 ในวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 ซึ่งเป็น พระบิดาของกษัตริย์ โมฮัมหมัดที่6 (กษัตริย์ องค์ปัจจุบัน) เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ สามารถจุผู้คนที่มาประกอบพิธีได้ 25,000 คน ภายนอกสุเหร่าอีก 55,000 คน ชมความงดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง
11.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า
14.05 น. บินสู่โดฮา (Doha) โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ( Codeshare ) รอยัลแอร์มาร็อค เที่ยวบิน AT QR4566 CMN DOH 14.05 – 23.35 (7.30 ชม.)
23.35 น. ถึงสนามบินกรุงโดฮา ประเทศ กาตาร์ พักเปลี่ยนอริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง
วันที่สิบ |
กรุงเทพฯ (Bangkok) |
B- |
L- |
ฺD- |
01.10 น. ถึงสนามบินกรุงโดฮา ประเทศ กาตาร์ พักเปลี่ยนอริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง
12.20 น. เดินทางต่อสู่เมืองไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ QR834 DOH BKK 01.10 – 12.20 (7.10 ชม.)
13.50 น. คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพ
*****************************************
ปี 2568 |
กำหนดการเดินทาง |
ระดับที่พัก |
พักห้องคู่ |
พักห้องเดี่ยวจ่ายเพิ่มท่านละ
|
เด็ก 3 – 11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน |
มกราคม |
วันที่ 17 – 26 ม.ค. 68 |
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
กุมภาพันธ์ |
วันที่ 14 – 23 ก.พ. 68 |
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
มีนาคม |
วันที่ 7 – 16 มี.ค. 68 // 21 – 30 มี.ค. 68 |
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
เมษายน |
วันที่ 11 – 20 เม.ย. 68(สงกรานต์) |
4 – 5 ดาว |
132,800.- |
46,800.- |
114,800.- |
เมษายน |
วันที่ 18 – 27 เม.ย. 68 |
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
พฤษภาคม |
วันที่ 2 – 11 พ.ค. 68 // 16 – 25 พ.ค. 68
|
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
มิถุนายน |
วันที่ 6 – 15 มิ.ย. 68 |
4 – 5 ดาว |
124,800.- |
42,500.- |
99,800.- |
อัตรานี้รวม
* ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรุ๊ป)ชั้นประหยัด โดยสารการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR)
* โรงแรม ที่พัก ระดับ 5 ดาว 5 คืน / 4 ดาว 1 คืน / ลักซูรี่แคมป์ในทะเลทรายซาฮาร่า 1 คืน ตามรายการ
* ค่าอาหารทุกมื้อ ที่ระบุในรายการทัวร์ และ น้ำดื่มบนรถ ระหว่างทัวร์ ไม่อั้น
* ค่าวีซ่าประเทศโมรอคโค
*ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ที่ระบุในรายการทัวร์ รวมถึง ค่าเข้าชมสุเหร่าฮัสซันที่ 2 ที่เมืองคาซาบลังก้า
* ค่ารถนำเที่ยวปรับอากาศ และ ค่ารถม้าชมเมือง มาราเกช
* ค่ารถ 4X4 (4WD) สู่ทะเลทรายซาฮาร่าและ ค่าขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า (หากท่านไม่ประสงค์จะขี่อูฐ ไม่สามารถคืนเงินได้)
* บริการไกด์ท้องถิ่นประเทศโมรอคโค ภาษาอังกฤษ และหัวหน้าทัวร์คนไทย กรณีกรุ๊ป 15 ท่านขึ้นไป
* ค่าประกันภัยการเดินทางคุ้มครองอุบัติเหตุ และสุขภาพ 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาท)
* ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ และ หัวหน้าทัวร์คนไทย
อัตรานี้ไม่รวม
* ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าอาหาร-เครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ ,ค่าซักรีด, โทรศัพท์-, เครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
* ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 %
เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง และ การชำระเงิน
1. กรุณาชำระเงินจองงวดแรก 60,000 บาท / ท่าน ไม่เกิน 2 วัน พร้อมส่ง สำเนาหนังสือเดินทาง และส่งมอบเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าตามที่กำหนด
(กรณีเป็นชาวต่างชาติ อาจจะต้องใช้เวลาในการยื่นขอวีซ่านานกว่าปกติ ประมาณ 1 เดือน)
2. ส่วนที่เหลือชำระก่อนการเดินทาง 45 วัน เนื่องจากจะต้องใช้ในการออกตั๋วเครื่องบินและเอกสารต่างๆ เพื่อยืนยันการเดินทาง ในการประกอบการพิจารณาวีซ่าของทางสถานทูต
***** เมื่อท่านจองทัวร์ และ ชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้ว *****
กรณียกเลิก
ยกเลิก 45 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 60 วัน) ก่อนการเดินทาง ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า)
ยกเลิก 30-44 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 45-59 วัน) ก่อนการเดินทาง หักค่ามัดจำ 50,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
ยกเลิก 26-30 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 41-44 วัน) ก่อนการเดินทาง หัก 50 % ของราคาทัวร์ + ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
ยกเลิก 1- 25 วัน (สงกรานต์-ปีใหม่ 40 วัน) ก่อนการเดินทาง บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์เต็มจำนวน 100%
***ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% ***
หมายเหตุ : คณะส่วนตัว หรือ กรุ๊ปเหมา ไม่สามารถทำการยกเลิกได้ เนื่องจากเป็นคณะที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะกลุ่ม ต้องชำระเงิน 100 %
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***
***** เมื่อท่านจองทัวร์ และ ชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านได้ทำความเข้าใจและยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น *****
ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์
ไฮไลท์โมรอคโค 10 วัน 7 คืน โดยสายการบิน กาตาร์ แอร์เวย์ส (QR)
พักโรงแรม 5 ดาว เมืองหลวงเก่าเฟส 2 คืน
พักลักซูรี่เต๊นท์...นอนดูดาวที่ทะเลทรายซาฮาร่า
HILIGHT MOROCCO 10 DAY 7 NIGHTS
BY QATAR AIRWAYS (QR)
TOUR CODE : MC990510FZ
► บินเข้า คาซาบลังก้า เช้า (07.30 น.)
► บินออกจาก คาซาบลังก้า บ่าย (14.05 น.)
ดูโปรแกรมทัวร์โมรอคโค ทั้งหมด คลิก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ 086 341 8774 (คุณเอ) : 081 816 4332 (คณเส็ง)
ฟอร์มจองทัวร์ กรุณากรอกข้อมูลด้านล่างนี้