8 วัน 5 คืน อิสราเอลแกรนด์ทัวร์
***โปรโมชั่น...บินตรง สายการบินแอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ (LY) ***
IL15152508MZ
มีนาคม – สิงหาคม 2562
เริ่มต้นที่ … 85,000 บาท
(รวมค่าวีซ่า / ไม่รวมทิปหัวหน้าทัวร์ ไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ)
เทลอาวีฟ – เซซาเรีย – ไฮฟา – นาซาเร็ธ (พักค้าง 2 คืน) – ทิเบเรียส – ล่องเรือทะเลสาบกาลิลี เมาท์บีทติจูดส์ - เยริโค – มาซาดา – คุมราน – เยรูซาเลม (พักค้าง 3 คืน) – เบธเลเฮม
ราคา 85,000 บาท : 8-14 มี.ค./ 24-30 เม.ย./17-23 พ.ค./14-20 มิ.ย./
12-18 ก.ค./9-15 ส.ค.2562
วันแรก กรุงเทพฯ
21.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน W ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบิน แอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ (LY) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
วันที่สอง เทลอาวีฟ – เซซาเรีย – ไฮฟา – นาซาเร็ธ (พักค้าง 2 คืน)
00.20 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเบนกูเรียน (TLV) ประเทศอิสราเอล (Israel) โดยเที่ยวบิน LY082 (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง) สายการบินฯ บริการอาหารระหว่างเที่ยวบินสู่เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล
06.25 น. เดินทางถึงสนามบินเบนกูเรียน เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล
นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซซาเรีย (Caesarea) (ระยะทาง 78 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเทลอาวีฟ และเมืองไฮฟา เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นราว 25-13 ปีก่อนคริสตกาล ถูกปกครองโดยหลายจักรวรรดิ ไม่ว่าจะเป็นโรมัน ไบเซนไทน์ มุสลิม และอาหรับ ปัจจุบันมีประชากรอาศัยเพียงราว 5,000 คน บนเนื้อที่ราว 35 ตารางกิโลเมตร เป็นเพียงเมืองเดียวซึ่งดูแลจัดการปกครองโดยองค์กรเอกชน นำท่านชม นครโรมันโบราณ (Old Roman city) ซากปรักหักพังของเมืองโบราณ ตั้งอยู่ริมทะเลของประเทศอิสราเอล สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เฉลี่ยอายุประมาณ 2,000 ปี ประกอบด้วยโรงละคร (Theater) ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล รวมถึงสะพานส่งน้ำ (Aqueduct) ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตประชาชนในสมัยก่อนสะดวกขึ้น จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอาร์มาเกดโดน หรือหุบเขาเมกิดโดน (Armageddon Valley / Megiddo Valley) (ระยะทาง 46 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นสมรภูมิการยุทธ์อันเกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์วันสิ้นโลกตามความเชื่อของศาสนาอับราฮัม ซึ่งคำว่าอาร์มาเกดโดนเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลจากคำว่าเมกิดโดในภาษาฮีบรู ซึ่งหมายถึงสมรภูมิรบในการสงครามสมัยโบราณหลายยุคสมัย เมกิดโดเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกของประเทศอิสราเอล ถูกขึ้นทะเบียน UNESCO เมื่อปี ค.ศ.2005 ได้เวลานำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไฮฟา (Haifa) (ระยะทาง 34 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอิสราเอล
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ภูเขาคาร์เมล (Mt.Carmel) (ระยะทาง 11 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) ภูเขาเลียบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือของประเทศอิสราเอล ซึ่งชื่อภูเขาถูกตั้งจากภาษาฮีบรู ซึ่งคำว่า คาร์เมล แปลว่าความอุดมสมบูรณ์ของการเพาะปลูกและไร่องุ่น ตัวภูเขามีความสูงประมาณ 525 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยมีความกว้างของหน้าภูเขาราว 8 กม. และความยาวถึง 39 กม. ภูเขาคาร์เมลถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอิสราเอล เมื่อปี ค.ศ.2012
จากนั้นชมสวนบาไฮ (Baha’i Garden) สวนสวยที่สร้างขึ้นโดยผู้นับถือศาสนาบาไฮ ซึ่งเป็นศาสนาที่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกอย่างบนโลกนี้ มีลักษณะเป็นสวนสวยจัดลดหลั่นลงมาเป็นขั้นบันไดทั้งหมด 7 ชั้น เป็นระเบียงดอกไม้ ตั้งอยู่บนภูเขาคาร์เมล เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศอิสราเอล นอกจากนี้ สวนบาไฮ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอิสราเอล เมื่อปี ค.ศ.2008 ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองอัคโค (Akko หรือ Acre) (ระยะทาง 26 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) อีกหนึ่งเมืองเก่าที่มีเรื่องราวเล่าทางประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เมืองโบราณที่มีการผสมผสานกันระหว่างความเก่าและความใหม่ของตะวันออกและตะวันตก เป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไฮฟา ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เขตเมืองเก่าของนครอัคโค ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศอิสราเอลเมื่อปี ค.ศ.2001 นำท่านชม นครใต้ดินครูเสด (Crusader’s Underground City) อารยธรรมโบราณที่ล่มสลายจากสงครามศาสนา ซึ่งตั้งอยู่ภายใต้ป้อมปราการ Ahmed Al-Jazzar เคยเป็นแหล่งพำนักของอัศวินผู้ทำสงครามศาสนา ปัจจุบันหลงเหลือไว้เพียงเป็นอนุสรณ์สำหรับคนรุ่นหลัง จากนั้นนำท่านชม ถ้ำฮานิกรา (Rosh Hanikra) (ระยะทาง 20 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ถ้ำซึ่งเกิดจากการก่อตัวทางธรณีวิทยาบริเวณชายฝั่งระหว่างประเทศอิสราเอลและประเทศเลบานอน เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและคลื่นกระแทกสู่หน้าผาหินชอล์กผิวอ่อน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) (ระยะทาง 58 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Legacy/ Ramada Nazareth **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
วันที่สาม นาซาเร็ธ – ทิเบเรียส – ล่องเรือทะเลสาบกาลิลี - เมาท์บีทติจูดส์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชม Church of Annunciation โบสถ์นิกายโรมันคาธอลิค สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1969 มีความสูงยอดโดมราว 55 เมตร เป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาคริสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิเบเรียส (Tiberias) (ระยะทาง 30 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของริมทะเลสาบกาลิลี นำท่านล่องเรือทะเลสาบกาลิลี (Sea of Galilee) ชมวิวทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางเหนือของอิสราเอล เป็นทะเลสาบที่มีความสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน เป็นสถานที่ที่พระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายๆอย่างในพระคัมภีร์ และยังทรงแสดงคำสอนต่างๆแก่คริสต์ศาสนิกชน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมาท์บีทติจูดส์ (Mt. Beatitudes) ชมมหาวิหารรูปทรง 8 เหลี่ยม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นสถานที่บรรยายคำเทศนาบนภูเขา (The Sermon On The Mount) หรือบันทึกการเทศนาของพระเยซู เมื่อประมาณปี ค.ศ. 30 บนภูเขาต่อหน้าอัครทูต 12 คนและผู้มาเฝ้าชุมนุมจำนวนมาก เป็นการเทศนาที่ประมวลคำสอนของพระเยซูที่เคยสั่งสอนตลอดช่วงเวลาสามปีในปาเลสไตน์ไว้อย่างเป็นระบบที่สุด นับเป็นบทเทศนาที่ท้าทายสภาพสังคมในยุคสมัยนั้น จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Golan Heights Winery โรงกลั่นไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิสราเอล ก่อตั้งโรงบ่มเมื่อปี ค.ศ.1983 โดนเริ่มเพาะปลูกครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1976 ให้ท่านได้ ลองชิมไวน์ (Wine tasting) พร้อมเลือกซื้อของฝากจากผลิตภัณฑ์องุ่นตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ ยอดเขา เบนทอล (Mt.Bental) ภูเขาไฟที่สงบแล้ว ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโกลาซิม (Korazim Plateau) มีความสูงราว 1,171 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในยอดเขาที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เพื่อขึ้นไปเพื่อชมวิวแบบพาโนรามิคอันงดงาม ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) (ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Legacy/ Ramada Nazareth **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่สี่ เยริโค – มาซาดา – คุมราน – เยรูซาเลม (พักค้าง 3 คืน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเยริโค (Jericho) (ระยะทาง 163 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.)ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งนักโบราณคดีคาดว่ามีการตั้งรกรากเมื่อ 9000 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังฮิสแฮม (Hisham’s Palace) เป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของเมืองเยริโค บนเนื้อที่กว่า 150 เอเคอร์ ซึ่งในอดีตกาลประกอบด้วยส่วนสำคัญสามส่วน คือ พระราชวังเอง โรงอาบน้ำ และบริเวณทำเพาะปลูกเกษตรกรรม ซึ่งปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากโบราณสถานเพื่อแสดงอดีตของความรุ่งเรื่องทางอารยธรรมเท่านั้น นำท่านขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Temptation (Mount of Temptation) สถานที่ซึ่งถูกบันทึกตามพระคัมภีร์ว่าเป็นเนินเขากลางทะเลทรายจูเดียนซึ่งพระเยซูถูกยั่วยุจากปีศาจและสิ่งชั่วร้าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมาซาดา (Masada) (ระยะทาง 87 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เพื่อชมป้อมปราการมาซาด้า (Masada Fortress) ป้อมปราการฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกกบฏชาวยิวที่ต่อต้านชาวโรมัน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิสราเอล และทางตะวันออกสุดของทะเลทรายจูเดียน สถานที่นี้เคยเป็นสถานที่พำนักของเฮรอด กษัตริย์แห่งจักรวรรดิโรมัน ผู้ซึ่งอาศัยช่วง 37 - 31 ปีก่อนคริสตกาล นครมาซาดาถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศอิสราเอลเมื่อปี ค.ศ.2001
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองคุมราน (Qumran) (ระยะทาง 54 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) สถานที่ที่ซึ่งค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือบันทึกเก่าแก่ (Dead Sea Scrolls) และเดินทางต่อสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ อิสระให้ท่านลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่ (การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากไกด์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์) ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) (ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Legacy/Saint George Jerusalem **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
วันที่ห้า เยรูซาเลม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขามะกอก (Mount of Olives) ภูเขาทางตะวันออกของนครเยรูซาเลม มีระดับความสูงที่ 826 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถูกตั้งชื่อตามเนินต้นมะกอกซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกคลุมส่วนหนึ่งของภูเขาในอดีต ภูเขาแห่งนี้มีความสำคัญแก่ชาวยิว ซึ่งเป็นสุสานที่ฝังศพบรรพบุรุษชนชาติยิวมากว่า 3000 ปี ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเก่า Old City ได้จากยอดเขาแห่งนี้ นำท่านชม โบสถ์แห่งปีเตอร์นอสเตอร์ (Church of Peter Noster) เป็นสถานที่พระเยซูทรงสอนให้สาวกรู้จักคําอธิษฐาน “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย” นําท่านเดินทางสู่ สวนเกทเสมานี (Gatsemane) ซึ่งเป็นภาษาฮีบรูแปลว่า ต้นมะกอก บริเวณสวนนี้มีต้นมะกอกเก่าแก่อยู่ 8 ต้น ที่เชื่อกันว่าเป็นรากเดิมของต้นมะกอกในสมัยพระเยซู ซึ่งมีอายุประมาณ 2000 ปีและเป็นสถานที่ที่พระเยซูอธิษฐานกับสาวก ก่อนที่จะถูกพวกทหารโรมันจับตัวไป นําท่านเดินทางสู่ ยอดเขาไซออน (Mount Zion) ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของยอดเขาโอลีฟในเยรูซาเลม ซึ่งมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เมืองของเดวิด (City of David) นําท่านชม โบสถ์ไก่ขัน (St. Peter in Gallicantu) ซึ่งเป็นภาษาลาติน ในอดีตเป็นบ้านของปุโรหิตคายาฟาส ที่เป็นหัวหน้าสมณะในยุคของพระเยซูที่ถูกตัดสิน และเป็นสถานที่ที่ปีเตอร์ปฏิเสธพระเยซูก่อนไก่ขัน 3 ครั้ง (Before the cock crows thrice) ชมสุสานกษัตริย์เดวิด (King David’s Tomb) และ ห้องอาหารมื้อสุดท้าย (Room of Last Supper) ที่พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเหล่าสาวก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านชม พิพิธภัณฑ์อิสราเอล (Israel Museum) สถาบันทางวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิสราเอลและ ติดอันดับหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดีชั้นนำของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1965 เป็นที่เก็บของสะสมของสารานุกรมรวมถึงผลงานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบันในโบราณคดีโบราณคดีวิจิตรศิลป์และศิลปะของชาวยิว มีการสะสมวัตถุโบราณในพระคัมภีร์ไบเบิล ในช่วงเกือบเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนอย่างดีจากผู้อุปถัมภ์ทั่วโลก ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างคอลเล็กชั่นวัตถุเกือบ 500,000 ชิ้นซึ่งเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมวัตถุทั่วโลก จากนั้นนำท่านเที่ยวชม ฝั่งตะวันออกของนครเยลูซาเลม (New Western City of Jerusalem) ผ่านชมสิ่งก่อสร้างและกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมที่ตั้งอยู่ในเมือง อาทิเช่น อาคารรัฐสภา อาคารรัฐบาล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Legacy/Saint George Jerusalem **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่หก เยรูซาเลม – เบธเลเฮม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมืองเก่าแห่งนครเยรูซาเลม (Old City of Jerusalem) ซึ่งมีเนื้อที่เพียง 0.9 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ภายในเมืองใหม่ นำท่านชม กำแพงตะวันตก (Western Wall) หรือ กำแพงร้องไห้ (Wailling Wall) กำแพงโบราณในเขตเมืองเก่าเยรูซาเลม สร้างขึ้นจากหินปูนเมื่อครั้งมีการขยายพระวิหารหลังที่สองของชาวยิวก่อนคริสตกาล กำแพงแห่งนี้ตั้งอยู่อาณาบริเวณขนาดใหญ่รูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าเนินพระวิหาร ซึ่งสำหรับชาวมุสลิมแล้ว เนินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มุฮัมหมัดถูกพระอัลลอฮ์รับขึ้นไปบนสวรรค์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของชาวยิวและคริสต์ศาสนิกชน เป็นสัญลักษณ์ของการได้หวนกลับมาสู่อิสราเอล และเพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษของตนที่ต้องอพยพไปจากดินแดน ชาวยิวจะเรียกกำแพงนี้ว่ากำแพงประจิม เนื่องตั้งอยู่ทางตะวันตกของเนินพระวิหาร ส่วนชาวคริสต์จะเรียกกำแพงนี้ว่ากำแพงโอดครวญ เพื่อสะท้อนเหตุการณ์ที่ชาวยิวต่างพากันมาร่ำร้องโอดครวญกันที่กำแพงแห่งนี้ในวันที่พวกโรมันเข้ายึดครองเยรูซาเลมในค.ศ. 70 และพระวิหารของพวกยิวถูกทำลาย นำท่านเดินลัดเลาะเมืองสู่ โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of Sepulcher) หรือที่ชาวคริสต์ออโธดอกซ์เรียกว่า โบสถ์การคืนพระชนม์ เป็นโบสถ์ในย่านชุมชนคริสเตียนของเมืองเยรูซาเลมเก่า ตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นบนสถานที่สองแห่งที่ชาวคริสต์ถือว่าศักดิสิทธิ์มากที่สุด คือ สถานที่ทำการตรึงพระเยซูที่กางเขน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า โกละโกธา และพระคูหาว่างเปล่าที่พระองค์ถูกฝัง และฟื้นคืนพระชนม์ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ ประตูจัฟฟา (Jaffa Gate) หนึ่งในเจ็ดประตูที่สามารถเข้าสู่นครเยรูซาเลม เป็นซุ้มประตูทำจากหินบนกำแพงเมืองโบราณ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) (ระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านชม โบสถ์พระคริสต์สมภพ (Church of Nativity) เป็นมหาวิหารในเมืองเบธเลเฮม รัฐปาเลสไตน์ โบสถ์นี้จักรพรรดิคอนสตันไทน์มหาราชและจักรพรรดินีเฮเลนาพระราชชนนีโปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 326 ณ จุดที่เชื่อว่าพระเยซูประสูติ สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 565 เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งในศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกในดินแดนปาเลสไตน์ และยังอยู่ในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายด้วย นำท่านชม วิหารแห่งทุ่งเลี้ยงแกะ (Chapel of the Shepherd’s field) โบสถ์เล็กๆในชนบทที่สร้างขึ้นใกล้กับสำนักสงฆ์ในปาเลสไตน์ช่วงปี ค.ศ.1953 ภายในโบสถ์มีการตกแต่งด้วยภาพวาดของพระเยซูวัยเด็ก ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) (ระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าแห่งโอมาร์ (Mosque of Omar) ตั้งอยู่ในนครเยรูซาเลมตรงข้ามลานด้านใต้ของโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ เป็นมัสยิดโบราณในชุมชนมุสลิมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1193 เพื่อรำลึกถึงคำอธิษฐานของกาหลิบโอมาร์ จากนั้นนำท่านชม โดมแห่งศิลา (Dome of the Rock) เป็นศาสนสถานของศาสนาอิสลามที่เป็นที่ตั้งของศิลาฤกษ์ (Foundation Stone) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนายูดาห์ และเป็นสิ่งก่อสร้างที่เด่นที่สุดบนเนินพระวิหารใน กรุงเยรูซาเลม โดมทองสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 691 ซึ่งทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก โดมทองตั้งเด่นอยู่บนเนินที่สร้างโดยมนุษย์ในสมัยโบราณที่เรียกว่าเท็มเพิลเมานท์ที่ชาวมุสลิมเรียกว่า “Noble Sanctuary” โดมทองใช้เวลาก่อสร้างราว 6 ปี ระหว่าง ค.ศ. 685-691
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Legacy/Saint George Jerusalem **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 3)
วันที่เจ็ด เยรูซาเลม - เทล อาวีฟ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชม Yad Vashem the Holocaust Museum อนุสรณ์สถานอย่างเป็นทางการของอิสราเอลต่อผู้ประสบภัยจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1953 ตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันตกของ Mount Herzl หรือที่รู้จักกันในนาม Mount of Remembrance ความสูงราว 804 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนเนื้อที่พิพิธภัณฑ์กว่า 44.5 เอเคอร์ เพื่อจารึกในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์พันธุฆาตชาวยิวในยุโรปประมาณ 6 ล้านคนจากจำนวนประชากรยิวราว 9 ล้านคนระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง โดยขบวนการล้างชาติของพรรคนาซี มีสาเหตุมาจากการแบ่งแยกเชื้อชาติระหว่างพวกชนชาติเชื้อสายอารยันและพวกที่ไม่มีเชื่อสายอารยันโดยมุ่งเป้าหมายหลักไปยังชาวยิวที่อยู่อาศัยในทวีปยุโรป การทำลายล้างชนชาติยิวเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อพรรค นาซีได้ขึ้นนำประเทศเยอรมนีเมื่อนายพล อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ขึ้นปกครองประเทศโดยชอบธรรมตามกฎหมายในปีค.ศ. 1933 ฮิตเลอร์โยนความผิดและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในเยอรมันในเวลานั้นว่าเป็นความผิดของชาวยิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ เหตุการณ์ไฟไหม้ การที่เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และปัญหาต่างๆอีกร้อยพันประการ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเทล อาวีฟ (Tel Aviv) (ระยะทาง 67 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศอิสราเอล มีประชากรอาศัยราว 450,000 คน เทล อาวีฟ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1909 บนเขตพื้นที่รอบนอกของเมืองท่าโบราณจัฟฟา ความเจริญของเทลอาวีฟได้ก้าวไปไกลกว่าเมืองจัฟฟาที่ในตอนนั้นเป็นของอาหรับอยู่ จนเทลอาวีฟและจัฟฟาถูกรวมเป็นเมืองเดียวกันในปี ค.ศ. 1950 สองปีหลังจากการก่อตั้งรัฐอิสราเอล นครสีขาวแห่งเทลอาวีฟได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกในปี 2003 ถือเป็นการรวมกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเทลอาวีฟยังเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศอิสราเอล นำท่านเที่ยวชม เมืองเก่าจัฟฟา (Old town of Jaffa) หรือที่เรียกในภาษาฮีบรูว่า ยาโฟ (Yafo) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเทล อาวีฟ เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นเมืองท่าโบราณตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งมีชุมชนผู้อยู่อาศัยตั้งแต่ราว 7,500 ปีก่อนคริสตกาลจากหลักฐานทางโบราณคดี แต่เริ่มก่อตั้งเป็นเมืองราว 1,800 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันเมืองจัฟฟา ได้ถูกอนุรักษ์โดยรัฐอิสราเอลให้คงความงดงามเหมือนในอดีต ประชากรที่อาศัยเขตเมืองเก่าเป็นชาวอาหรับและชาวยิว เมืองเก่าจัฟฟาตั้งอยู่บนเนินสูง หันหน้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นที่ตั้งของมัสยิด Al-Bahr และโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ซึ่งยังคงอนุรักษ์สภาพไว้เป็นอย่างดี นำท่านเดินชมบริเวณ ท่าจัฟฟาซึ่งเป็นไปด้วยร้านอาหารทะเล คาเฟ่ และร้านค้า ซึ่งมีไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งบริเวณนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองเช่นกันที่ต้องการเลี่ยงสังคมและชุมชนเมืองมาเดินเล่นยามว่าง
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารจีน
19.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เบนกูเรียน เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล
23.00 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ LY081 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.20 ชั่วโมง)
สายการบินฯ มีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน
วันที่แปด กรุงเทพฯ
14.35 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
8 วัน 5 คืน อิสราเอลแกรนด์ทัวร์
ราคา 85,000 บาท : 8-14 มี.ค./ 24-30 เม.ย./17-23 พ.ค./14-20 มิ.ย./12-18 ก.ค./9-15 ส.ค.2562
อัตราค่าบริการ (บาท)
|
มี.ค. – ส.ค. 62
|
ราคาผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน
|
85,000
|
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ
|
15,000
|
เด็กอายุ 2 - 12 ปี (เสริมเตียง – พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน)
|
82,000
|
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
|
28,000
|
ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์เริ่มต้นที่ท่านละ
(ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง confirm เท่านั้น)
|
70,000-100,000
|
ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหักค่าใช้จ่าย (BKK-TLV-BKK)
|
25,000
|
**ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริงที่
สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น (คิด ณ วันที่ 27 ธ.ค. 61) **
ข้อแนะนำและแจ้งเพื่อทราบ
§ สำหรับห้องพักแบบ 3 เตียง มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน แนะนำให้ท่าน เปิดห้องพัก เป็น 2 ห้องจะสะดวกกับท่านมากกว่า
§ กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ป หากออกตั๋วแล้ว ไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
§ กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 ก.ก. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Hand carry) น้ำหนักไม่เกิน 7 ก.ก.
โปรแกรมท่องเที่ยวอิสราเอล (ตามที่ระบุไว้ในรายการ) อัตรานี้รวมถึง
§ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน LY (กระเป๋าเดินทาง น.น. ไม่เกิน 23 ก.ก./ท่าน)
§ ค่าภาษีสนามบิน, ภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ
§ ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาท
ค่ารักษาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 85 ปี)
§ ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่)
§ ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่, ค่าภาษีในประเทศตุรกี
§ เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
อัตรานี้ไม่รวมถึง
§ ค่าทิปไกด์ไทย, ไกด์ท้องถิ่น, คนขับรถ รวม 62 USD = 2,050 บาท (ซึ่งจะเรียกเก็บจากอินวอยซ์ยอดเต็ม)
§ ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋า ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าของท่านเอง
§ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์-แฟกซ์ ค่าเครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุ
§ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
การชำระเงิน งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 35,000 บาท/ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปเดินทางแน่นอน
งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 30 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง
กรณียกเลิก
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 60 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-44 วัน หักค่ามัดจำ 20,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 44-59 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 10-29 วัน หักค่ามัดจำ 20,000 บาท + ค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 20-43 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-9 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของค่าทัวร์ (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 4-19วัน)
ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100%
***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิก
วีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***
หมายเหตุ :
§ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 20 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 20 วัน ก่อนการเดินทาง(หากจำนวนลูกค้าในคณะไม่ถึง 20 ท่าน ราคาทัวร์ เพิ่มท่านละ 4,000 บาท)
§ บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน
§ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน การนัดหยุดงาน การประท้วง ภัยธรรมชาติ การก่อจลาจล อุบัติเหตุ ปัญหาการจราจร ฯลฯ ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด
§ เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
§ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าเมือง อันเนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง
§ ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
กรณีเดินทางโดยลูกค้าจัดการตั๋วเครื่องบินเอง (Land Only)
§ ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวร่วมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิกเที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
ตั๋วเครื่องบิน
§ ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
§ ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
§ เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
โรงแรมและห้อง
§ ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง ( TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
§ โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
§ ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน
§ กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
§ วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
§ หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ
§ สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
§ สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5 x 13.5 x 21.5 สำหรับหน่วยวัด “นิ้ว” (Inch) หรือ 19 x 35 x 55 สำหรับหน่วยวัด “เซนติเมตร” (Centimeter)
§ ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตราฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
§ กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)
การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย
§ ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
§ กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย
§ กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน
เอกสารยื่นวีซ่าอิสราเอล
(ใช้เวลาในการขอวีซ่าประมาณ 10 - 15 วันทำการ)
1. สำเนาหนังสือเดินทาง ที่มีอายุไม่ตํ่ากว่า 6 เดือน และมีหน้าเหลือมากกว่า 6 หน้า (กรุณา สแกนสีเท่านั้น)
2. รูปถ่ายสี (พื้นหลังสีขาว) รูปปัจจุบันขนาด 3.5 x 4.5 cm (กรุณา สแกนสีเท่านั้น)
3. สําเนาบัตรประชาชน
4. สําเนาทะเบียนบ้าน