วันแรกของการเดินทาง 07 เม.ย.61 กรุงเทพฯ-เตหะราน
12.00 น. คณะเดินทางพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถว H-J ใกล้ประตูหมายเลข 4 ชั้น 4 ขาออก ที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์
เช็คอิน ของสายการบินไทย พบจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับท่าน
15.30 น. ออกเดินทางสู่กรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศอิหร่าน โดยสายการบินไทย แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ TG-527
ซึ่งจะใช้เวลา บินประมาณ 7 ชั่วโมง สู่กรุงเตหะราน
19.30 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอิหม่ามโคมัยนี ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงเตหะรานลงไปประมาณ 60 กิโลเมตร
(สุภาพสตรีกรุณาคลุมผมให้เรียบร้อยก่อนลงจากเครื่อง) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองโดยไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ
เจ้าหน้าที่จะดูเพียงหน้าพาสปอร์ตและวีซ่าเท่านั้น เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
โรงแรมที่พัก NOVOTEL AIRPORT ระดับ 4* ดาว ในกรุงเตหะราน (ลูกค้าต้องแยกประเป๋า เตรียมของใช้ส่วนตัว
เสื้อผ้า 1 ชุด สำหรับพักค้างคืนที่เมืองราชท์ เพื่อสะดวกต่อการเดินทาง)
วันที่สองของการเดินทาง 08 เม.ย.61 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ-พระราชวังโกเลสตาน-ราชท์
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
09.00 น. จากนั้นนำท่านเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 70 ปี ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ ที่ใหญ่ที่สุดทางด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดีของประเทศอิหร่าน แต่ยังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อสียงมากที่สุดในโลกที่มีโบราณวัตถุหลากยุค หลายสมัยที่ได้จัดแสดงไว้ที่นี่ มากกว่า 300,000 ชิ้น จึงเป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยว จากต่างแดนจะได้เริ่มต้นรู้จัก อิหร่านและคนอิหร่าน และความเป็นมาของอาณาจักรเปอร์เชีย จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) ซึ่งเป็นพระราชวังที่สวยงาม ในปัจจุบัน ซึ่งช่วงหนึ่งหลังจากการ ปฏิวัติ
โดย อิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่าน่าอัปยศอดสู เช่นเดียวกับพระราชวังแห่งอื่นๆ พระราชวังแห่งนี้เพิ่งได้รับการบูรณะ เมื่อเริ่มเปิดประเทศ อีกครั้งราวๆ ห้าปีที่ผ่านมานี่เอง อย่างไรก็ตาม พระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงความงาม ในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยม แบบเดียวกับเพชร และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบ ที่มีสีสัน และลวดลายโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพี่ราชวังแห่งนี้ ก็ด้วยกษัตริย์ องศ์หนึ่งของราชวงส์ “กอญัร” (Nasser Al-Din Shah) (1848-1896) โปรดให้สร้างและตกแต่งพระราชวังแห่งนี้ ในศิลปะแบบยุโรป ซึ่งในปัจจุน พระราชวังแห่งนี้ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย หอคอยมิราจทาวน์เวอร์ (Milad Tower) ซึ่งเป็นหอคอย แห่งความภาคภูมิใจของคนอิหร่านทั้งมวล เนื่องจากหอคอยแห่งนี้ ได้ออกแบบก่อสร้าง โดยสถาปนิคชาวอิหร่านเองทั้งหมด เป็นหอคอยที่สูงอันดับ 6 ของโลก ด้วยระดับความสูงถึงยอดเสาส่งสัญญานโทรคมนาคม ถึง 435 เมตร ท่านจะได้ชมความงามของกรุงเตหะรานอย่างทั่วถึงจากหอคอยแห่งนี้
จากนั้นเดินทางสู่สนามบิน Mehrabad Airport เพื่อเดินทางต่อโดยสายการบินอิหร่านแอร์ สู่เมืองราชท์
.... น. ออกเดินทางสู่เมืองราชท์โดยสายการบินอิหร่านแอร์ / อาเซอร์มัน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน IR…./EP…….
......น. เที่ยวบิน…..นำท่านเดินทางถึงท่าอากายานเมืองราชท์ จากนั้นเดินทางสู่โรงแรมที่พักใจกลางเมืองราชท์
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม
โรงแรมพักที่ KADUS HOTEL ระดับ 4 ดาวและดีที่สุดในเมืองราชท์
วันที่สามของการเดินทาง 09 เม.ย.61 ราชท์-หมู่บ้านมาซูเล่ห์-เตหะราน
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.00 น. หลังจากเช็คเอาท์คืนห้องพักแล้ว นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมาซูเล่ห์ ซึ่งซุกตัวอย่างเงียบสงบอยู่บนมุมหนึ่งของเทือกเขา
อัลโบร์ซที่อยู่ห่างจากเมืองราชท์ออกไปประมาณ 1.30 ชั่วโมงโดยทางรถยนต์เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีอายุเก่าแก่ไม่น้อยกว่า
500 ปี แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามของแมกไม้และขุนเขา บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านแห่งนี้ไล่เรียงลดหลั่นกันขึ้น
ไปตามไหล่เขาอย่างสวยงามและน่าทึ่ง ท่านสามารถยืนถ่ายรูปบนลานหน้าบ้านของหลังหนึ่งและขณะเดียวกันลานแห่งนั้น
ก็คือหลังคาบ้านของหลังที่อยู่ถัดลงมาด้วยในขณะเดียวกัน นี่จึงเป็นจุดเด่นและแปลกแตกต่างของหมู่บ้านมาซูเล่ห์ที่ไม่
เหมือนที่ไหน ทำให้กลายเป็นเพชรเม็ดงามท่ามกลางธรรมชาติอันสงบ และสวยงามในภูมิภาคแคสเปี้ยนของประเทศ
อิหร่าน มาจนกระทั่งปัจจุบัน แม้แต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาของไทยเราเองก็เคยเสด็จประพาสหมู่บ้านแห่งนี้มาแล้ว
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2547 ชาวบ้านแถบนี้จึงพร้อมใจกันเรียกถนนที่ขึ้นสู่หมู่บ้านมาซูเล่ห์ตามทางที่พระองค์เสด็จว่าถนน
สายเจ้าหญิงหรือ Princess Roadนั่นเองให้ท่านมีเวลาเที่ยวชมหมู่บ้านมาซูเล่ห์และบรรยากาศอันแสนโรแมนติกอย่าง
เต็มที่จนถึงเวลานัดหมาย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นใกล้หมู่บ้านมาซูเล่ห์
หลังอาหารกลางวัน นำท่านเดินทางกลับสู่กรุงเตหะรานโดยทางรถยนต์ซึ่งจะผ่านบริเวณทุ่งเกษตรที่อุดมสมบูรณ์มีทั้งไร่ชา นาข้าว และพืชพันธุ์อื่นๆ มากมายที่สำคัญคือไร่มะกอกหรือ Olive ซึ่งจะมีมากในแถบเมืองแมนจิลที่อยู่ใกล้เขื่อนกักเก็บน้ำ Manjil Dam จึงมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปมาจากมะกอกจำนวนมากออกจำหน่ายไปทั่วประเทศ
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม
โรงแรมที่พัก EVIN HOTEL or ESTEGHLAL HOTEL EAST WING ระดับ 4*5* ดาว ในเมืองเตหะราน
วันที่สี่ของการเดินทาง 10 เม.ย.61 พระราชวังเนียวาราน-พิพิธภัณฑ์อัญมณี –ชีราซ
07.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
09.00 น. เดินทางสู่ตอนเหนือของกรุงเตหะรานซึ่งติดกับเชิงเขาอัลโบร์ซเพื่อเข้าชม พระราชวังเนียวาราน(Niavaran Palace)
อันเป็นที่รโหฐานซึ่งกษัตริย์ชาห์ ทั้งสองพระองค์แห่งราชวงศ์ ปาห์เลวีของอิหร่าน ซึ่งเคยประทับที่นี่ ก่อนที่จะถูกปฏิวัติโดย
อะยาตุลเลาะห์โคมัยนีเมื่อต้นปีค.ศ.1979 พระราชวังแห่งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่คณะปฏิวัติอ้างว่าเป็นสัญลักษณ์
ของตะวันตกที่มีอำนาจเหนือกษัตริย์ชาห์ และยังแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อของราชวงศ์อย่างชัดเจนที่สุดแต่บางส่วนก็บอกว่า
เป็นสิ่งบ่งบอกความเจริญรุ่งเรืองและทันสมัยของประเทศอิหร่านซึ่งไม่น้อยหน้าชาติตะวันตก
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นทางตอนเหนือของเตหะราน
นำท่านเดินทางสู่ใจกลางกรุงเตหะราน เพื่อเข้าชมอัครสถานอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งทุกคนที่มาเยือนอิหร่านต้องไม่ พลาดชม
สถานที่แห่งนี้ นั่นก็คือกรุอภิมหาสมบัติที่พิพิธภัณฑ์อัญมณีแห่งชาติอิหร่าน(National Jewelry Museum)
ซึ่งอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัยของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียในอดีตและครอบครองอภิมหาสมบัติ
จำนวนมากมายนั้น ล้วนถูกเก็บไว้ในสถานที่แห่งนี้จนเรียกได้ว่ามีความอลังการในชนิดและรูปแบบ และมโหฬารในจำนวน
ที่มากมายที่สุดในโลก
จากนั้นเดินทางสู่สนามบิน Mehrabad Airport ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองชีราช
.... น. ออกเดินทางสู่เมืองชีราช โดยสายการบินอิหร่านแอร์ / อาเซอร์มัน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน IR…./EP…….
......น. เที่ยวบิน…..นำท่านเดินทางถึงท่าอากายานเมืองชีราช จากนั้นเดินทางสู่โรงแรมที่พักใจกลางเมืองชีราช
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม
โรงแรมที่พัก ELYSEE HOTEL or CHAMRAN HOTELระดับ 4*5* ดาว หรือเทียบเท่า ในเมืองชีราช
วันที่ห้าของการเดินทาง 11 เม.ย.61 มัสยิดสีชมพู-คฤหาสน์โบราณ-การิมข่าน-วาคิล บาซ่าร์
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.00 น. เช็คเอ้าส์ ออกจากที่พัก นำท่านเที่ยวชม มัสยิดสีชมพู (Nasir-OlMolk) ซึ่งเป็นมัสยิดที่สวยงามแปลกตามาก เพราะประดับไปด้วยกระเบื้องโดนสีแดง-ชมพู-เหลือง เป็นสิหลัก มีเพียงแห่งเดียวในอิหร่าน ไม่ว่าท่านจะมองจากมุมใหน มัสยิดแห่งนี้จะออกสีชมพู ดูสวยงาม อ่อนหวาน ความสวยขนาดที่ได้รับเลือก ให้เป็นภาพปก หนังสือ ตอนย้อนรอย อารยัน ของนักเขียน นาม เชนทร์ ชนะการณ์ มาแล้ว ข้างในกว้างขวาง ใหญ่โตไม่ว่าจะมองมุมใหนจากนั้นนำท่านเดินทางต่อ เพื่อชมคฤหาสน์โบราณ (Naranjestan e Ghavam) ซึ่งมีอายุมากกว่า 125 ปี โดยก่อสร้างในสมัยราชวงศ์ กอญัร อยู่ระหว่างปี 1879-1886 ซึ่งถือว่าเป็นแบบสถาปัตยกรรมบ้านโบราณประจำยุค กอญัร เลยทีเดียว และท่านจะได้ชมรูปแบบของสวนแบบเปอร์เชียอันสวยงามและร่มรืนในเวลาเดียวกันด้วย
12.00 น. รับประทานอาหาร กลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เยี่ยมชม และคารวะ อนุสรณ์สถานของท่าน ฮาเฟช(Aramgah – E Hafez) นักปรัชญา ของเปอร์เชีย ของ
เมืองชีราช ในยุคศตวรรษที่ 12 อนุสรณ์ของท่าน สร้างในปี 1773 โดยท่านการิมข่านแห่งราชวงศชัน ภายในสวนสวย ขนาด
เล็กแห่งนี้ คราคร่ำไปด้วยชาวอิหร่าน จากต่างเมือง และชาวเมืองชีราชเองล้วนแต่ต้อง หาโอกาศ มาคารวะเสมอ จากนั้น
นำท่านชม ป้อมการิมคาน(Karim Khan Citadel) หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า Ark-E Karim Khan สร้างโดยท่านการิมข่าน แห่ง
ราชวงศ์ชัน ในช่วงที่ท่านสถาปนาเมืองชีราช ให้เป็นเมืองหลวงของอณาจักรเปอร์เชีย ช่วงปี ค.ศ 1750-1795 ผนังของป้อม
แห่งนี้สูงถึง 14 เมตร สร้างด้วยอิฐ เรียงให้เป็นลายสวยงาม อย่างมีเอกลักษณ์ที่งดงามเดินเท้าต่อชมตลาดวาคิล บาซาร์
(VakilBazaar) ซึ่งเป็นบาร์ซาร์ ใหญ่ใจกลางเมือง ชีราช ที่เก่าแก่ และสวยงามมาก ดดยโครงสร้างของอาคาร ที่ก่อด้วยอิฐ
แดง แบบเรียงชิ้นเป็นทรงโดม ติดต่อกันหลายร้อยเมตร ในบาซาร์ แห่งนี้ประกอบไปด้วยสิ้นค้า มากมาย ให้จับจายใช้สอย
ผู้คนคึกคักตลอด ทั้งวันท่านสามารถ หาของฝาก จากตลาดแห่งนี้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ของกิน มากมาย
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม
โรงแรมที่พัก ELYZEE HOTEL or CHAMRAN HOTEL ระดับ 4*5* ดาว หรือเทียบเท่า ในเมืองชีราช
วันที่หกของการเดินทาง 12 เม.ย.61 ชีราซ-เปอร์ซีโปลิส-นัค เช รอสตัม-อะบาคูห์-ยาซด์
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.00 น. จากนั้นเดินทางสู่พระราชวังโบราณเปอร์ซีโปลิส(Persepolis) ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองชีราซขึ้นไปประมาณ 1
ชั่วโมง พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นแห่งที่สองนับตั้งแต่สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นเมื่อปี 559 ก่อนคริสตศักราช
(พระราชวังและเมืองหลวงแห่งแรกคือพาซากาดสร้างโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราช)เริ่มสร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราช
ในปี 512 ก่อนคริสตศักราช หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอีก 5 รัชกาลต่อมา แต่ก็ยังไม่เคย
เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งมาถูกยึดครองและเผาทำลายอย่างย่อยยับโดยกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งอาณาจักร
กรีซในปี 330 ก่อนคริสตศักราช แต่กระนั้นก็ตาม พระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์อันยิ่งใหญ่ตลอดกาลทั้งความใหญ่โตโอฬารของตัวพระราชวังและความอลังการทางด้านสถาปัตย์ดังนั้น เวลา 2 ชั่วโมงของการเที่ยวชมพระราชวัง
เปอร์ซีโปลิสแห่งนี้ จึงเป็น 2 ชั่วโมงที่คละเคล้าไปด้วยความระทึกใจ ความประหลาดใจและความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
จากนั้นนำท่านแวะชม สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระราชวังเปอร์ซีโปลิส ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง
10 กิโลเมตรเท่านั้น นั่นคือ นครหลังความตาย นัค-เช รอสตัม (Naqsh-e rostam)หรือที่นักเขียนคนหนึ่งซึ่งเคยตะลุย
อิหร่านมานักต่อนักแล้วบัญญัติคำในภาษาไทยว่า สุสานสี่กษัตริย์ นั่นเอง ที่นี่เป็นสุสานของพระมหากษัตริย์ แห่ง
ราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียและเคยประทับที่พระราชวังปอร์ซีโปลิสมาก่อนที่จะสวรรคต แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ว่า หลังจากสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษยโลกแล้วชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อ
เพียงแต่จะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ
เช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน และที่ไม่ธรรมดาก็คือ เป็นสุสานที่ขุดเจาะเข้าไปเป็นห้องขนาดใหญ่บนหน้าผาหินซึ่งอยู่สูงจากพื้นถึง 20 เมตรและยังมีการแกะสลักหินส่วนหน้าให้มีความงดงามอีกด้วย
12.30. น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นภาคใต้ที่ร่มรื่น อาหารอร่อย ใกล้กับพระราชวังเปอร์ซีโปลิส
บ่าย นำท่านเดินทางจากเปอร์ซีโปลีสมุ่งขึ้นเหนือสู่เมืองยาซด์ซึ่งเป็นอดีตเมืองศูนย์กลางการค้ายุคโบราณในถิ่นทะเลทรายที่ สำคัญที่สุดตั้งแต่ศตวรรษที่11 เป็นต้นมาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยจะผ่านเมืองอะบาคูห์ (Abakuh) ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่
คริสต์ศตวรรษที่ 11 เช่นเดียวกันและยังคงมีโบราณสถานสำคัญเหลือรอดมาให้คนรุ่นปัจจุบันได้ชื่นชมในภูมิปัญญาของ
คนยุคนั้น นั่นก็คือโดมสำหรับการทำน้ำแข็งหรือ Ice Houseนั่นเอง นี่คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่างเปอร์เซียโบราณในยุคนั้น คิดค้นได้อย่างน่าทึ่ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องอากาศร้อน ทำให้ชาวบ้านได้มีน้ำแข็งไว้แช่น้ำดื่มเย็นๆ เพื่อคลายร้อนแวะชมโรงทำ
น้ำแข็งยุคโบราณที่เมืองอะบาคูห์ และให้ท่านได้ถ่ายภาพอย่างเต็มที่แล้ว เดินทางต่อสู่เมืองยาซด์ซึ่งจะใช้เวลาอีก
ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองยาซด์ นำท่านชมศาสนสถาน และเคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาของ โซโร -
แอสเตอร์ในอดีตเมื่อประมาณต้นคริสตกาลในสมัยราชวงศ์ซัดซาเนียนปกครองเปอร์เซีย สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา
ขนาดย่อมทางด้านใต้ของเมืองยาซด์ เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยตัวอาคารหลักในการทำพิธีทางศาสนา
บ่อน้ำดื่มน้ำใช้ซึ่งอยู่ใต้ดิน ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องพัก และแท่นทำพิธีศพที่อยู่ด้านหลังอาคาร ทั้งหมดนี้สร้างด้วยดิน
เหนียวตากแห้งและเรียกรวมกันว่า Tower of Silence นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ให้ท่านได้สัมผัสกับศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
และเมืองยาซด์ก็เป็นศูนย์กลางศาสนาโซโรแอสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน ของทุกปี ชาวโซ
โรแอสเตรียนจากทั่วโลกจะมาร่วมกันทำพิธีบูชาเทพอะหุรามาสดาครั้งใหญ่ประจำปีกันที่นี่ แต่จะจัดพิธีที่ศาสนสถานชื่อ
Pir-e Sabz Fire Templeซึ่งเป็นศูนย์กลางในปัจจุบันตั้งอยู่ในถิ่นทะเลทรายทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองยาซด์
ออกไปประมาณ 62 กิโลเมตร
19.30 น รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารของโรงแรม
โรงแรมที่พัก SAFAIEH HOTEL ระดับ 5 ดาวและดีที่สุดในเมืองยาซด์
วันที่เจ็ดของการเดินทาง 13 เม.ย.61 ยาซด์-นาอิน- อิศฟาฮาน
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.00 น. นำท่านเที่ยวชมสถานที่สำคัญในเมืองยาซด์ โดยเริ่มจากศาสนสถานโซโรแอสเตอร์ที่ชื่อ Ateshkadeh Fire Templeซึ่งชาวโซโรแอสเตรียนในเมืองยาซด์ก็จะใช้สถานที่แห่งนี้ในการทำพิธีบูชาเทพอะหุรามาสดา ซึ่งเป็นเทพสูงสุดของศาสนานี้และท่านศาสดาโซโรแอสเตอร์ซึ่งเป็นผู้เผยแผ่คำสอนมาตั้งแต่เมื่อ628 ปีก่อนคริสตกาล การเข้าชมย่อมต้องให้ความเคารพต่อ สถานที่โดยการไม่ส่งเสียงดัง และอยู่ในอาการสำรวมเมื่อเข้าไปภายในห้องทำพิธี ซึ่งจะต้องมีเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ ตลอดเวลาเปรียบดังพระอาทิตย์ที่ไม่มีวันดับจากนั้นนำท่านชมมัสยิดประจำเมืองยาซด์(Masjid-e Jameh) ซึ่งมีเสามินาเร่ห์ที่สูงถึง 48 เมตรสูงที่สุดในอิหร่าน สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยคร่อมลงไปบนมัสยิดหลังเดิมที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จากนั้นเดินเท้าเที่ยวต่อสู่เขตเมืองเก่าของยาซด์ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ คือ –Tomb of12Imamsเป็นโบราณสถานทางด้านศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ที่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ตอนต้น โดยภายในมีบันทึกรายชื่อของอิหม่าม 12 องค์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงหลังจากการเสียชีวิตของพระศาสดามูฮัมหมัดแล้ว เริ่มนับองค์แรกคืออิหม่ามอาลี โดยไม่นับรวมตำแหน่งกาหลิบซึ่งเป็นผู้สืบทอดของนิกายสุหนี่ สถานที่อีกแห่งหนึ่งคือAlexander’s Prisonเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ซึ่งสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยตั้งอยู่บริเวณใกล้กันกับ Tomb of 12 Imamsการที่เรียกว่าเป็นคุกของนักโทษของอเล็กซานเดอร์นั้นเป็นเพียงการเปรียบเทียบของท่านกวีเอกฮาเฟซ ซึ่งท่านเป็นคนเมืองชีราซและไม่ค่อยเดินทางไปต่างถิ่นนักมีครั้งหนึ่งที่ท่านได้เดินทางมายังเมืองยาซด์และได้มาพำนักที่นี่ มีความคิดถึงบ้านและรู้สึกไม่สะดวกสบายด้วยประการทั้งปวงก็เลยเปรียบเปรยในบทกวีของท่านว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนคุกของอเล็กซานเดอร์ปัจจุบันใช้เป็นโรงแรมสอนวิชาการอาชีพ เช่น ทอผ้า ทอพรมและอื่นๆ
12.00 น รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นในเมืองยาซด์
หลังอาหารกลางวัน ออกเดินทางจากเมืองยาซด์สู่เมืองอิศฟาฮาน โดยผ่านเมืองนาอินซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กที่อยู่ประมาณครึ่งทางระหว่างเมืองใหญ่ทั้งสองแห่งนั้นแวะให้ท่านได้เปลี่ยนอิริยาบถด้วยการเที่ยวชมเขตเมืองเก่าและมัสยิดประจำเมืองหรือ Jameh Mosqueที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในบรรดามัสยิดทั้งหลายในประเทศอิหร่านปัจจุบัน โดยจะให้เวลาท่านประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินทางต่อสู่เมืองอิศฟาฮานอีกประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมืองอิศฟาฮาน เป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียแห่งยุคที่มีความรุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 17-18อาณาจักรเปอร์เซียมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิดซึ่งเป็นชาวเปอร์เซียแท้ และเมืองหลวงอิศฟาฮานก็กลายเป็นทั้งเมืองศูนย์กลางการปกครองและเมืองศูนย์กลางทางการค้า จนได้รับฉายาว่า “Esfahan is half of the world”ใครต้องการสินค้าอะไรก็ต้องไปซื้อหากันที่อิศฟาฮานยิ่งกว่านั้นยังเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เซียได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรต่างๆรวมทั้งสยามซึ่งตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในเมืองอิศฟาฮาน
โรงแรมที่พัก ALIQAPU HOTEL or KOWSAR HOTEL ระดับ 4*5* ดาวหรือเทียบเท่า ในเมืองอิสฟาฮาน
วันที่แปดของการเดินทาง 14 เม.ย.61 อิศฟาฮาน-พระราชวังเชเฮลโซตุน-มัสยิดอิหม่าม
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอิศฟาฮานซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบจัตุรัสอิหม่ามใจกลางเมือง(กรุณาเตรียมของใช้ส่วนตัวให้ครบถ้วนก่อนลงจากรถ เพราะรถจะมารับอีกครั้งหนึ่ง 18.00 น.) เมืองอิศฟาฮานเป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่ร่วม 1,800 ปีตั้งแต่ยุคราชวงศ์ซัสซาเนียน และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียระหว่างปี ค.ศ.1587-1749 ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครอง อดีตเมืองหลวงแห่งนี้เคยรุ่งเรืองสูงสุดในศตวรรษที่ 16-17และปัจจุบันนี้เป็นเมืองมรดกโลกโดยการขึ้นทะเบียนขององค์การยูเนสโก นำท่านเที่ยวชมพระราชวังเชเฮลโซตุน (ChehelSotun Palace) สร้างในปี 1614 สมัยชาห์อับบาสที่ 1 แล้วเสร็จในปี1647สมัยกษัตริย์ชห์อับบาสที่2เพื่อใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและงานสังสรรค์ต่างๆ โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมในแบบอะคามินิดซึ่งเป็นยุคแรกของเปอร์เซีย แต่ใช้เสาคอลัมน์เป็นเสาไม้แทนหิน มีเสาไม้สูงที่โถงด้านหน้า 20ต้นซึ่งทอดเงาลงไปบนผืนน้ำที่ใสนิ่งในสระซึ่งอยู่ด้านหน้าวัง นับทั้งต้นเสาจริงและเงาที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำอีก 20 ต้นรวมเป็นเสา40ต้นตามความหมายของชื่อพระราชวัง ในห้องโถงด้านในของเชเฮลโซตุน มีภาพเขียนแบบเฟรสโกขนาดใหญ่หลายภาพที่มีชื่อเสียงโดยฝีมือของศิลปินประจำยุคซาฟาวิด ส่วนรอบๆ ตัววังนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ใหญ่น้อยที่อยู่รายรอบ จึงถือเป็นต้นแบบของสวนแบบเปอร์เซียที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งจากนั้นเดินเท้าต่อเที่ยวชม ชมมัสยิดอิหม่าม(Imam Mosque) ตั้งอยู่ปลายสุดทางด้านทิศใต้ของจัตุรัส เป็นหนึ่งในมัสยิดที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มสร้างในปี 1611 สมัยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 4 ปีต่อมา นอกจากขนาดที่ใหญ่โตโอฬารแล้ว ยังเป็นมัสยิดที่มีองค์ประกอบทางด้านสถาปัตย์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะโดมประธานขนาดมหึมาที่สร้างคร่อมกันเป็นสองชั้นขนานกันตลอดทุกตารางนิ้ว ซึ่งมีผลต่อการระบายอากาศและการกระจายของเสียงผู้นำสวดให้แผ่ออกไปจนได้ยินอย่างชัดเจนในทุกซอกทุกมุมของมัสยิดโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณภัตตาคารใกล้จตุรัสอิหม่าม
บ่าย นำท่านชม พระราชวังอะลีคาปู (Ali Qapu Palace)สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ ชาห์อับบาสที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของจัตุรัสอิหม่าม เป็นอาคาร 6 ชั้นที่ใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างบนชั้น 3 ของพระราชวังสร้างเป็นห้องโถงใหญ่และมีระเบียงหันหน้าเข้าหาจัตุรัสอิหม่ามสำหรับพระมหากษัตริย์และพระ ราชวงศ์ไว้ประทับทอดพระเนตรการละเล่นต่างๆ และปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทุกมุมและทุกอย่างที่อยู่บนจัตุรัสได้อย่างชัดเจนจากนั้นเข้าชมมัสยิดชีคล้อตฟุลเลาะห์(Sheikh Lotfollah Mosque)ซึ่งเป็นมัสยิดเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะเข้ามาทำการละหมาดได้ สร้างโดยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ระหว่างปี 1602-1619 ขึ้นชื่อว่าวิจิตรสวยงามที่สุดในการตกแต่งภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่
โดมประธานซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ จากนั้นให้ท่านได้มีเวลาอย่างเต็มที่ในการช้อปปิ้งสิ่งของต่างๆจนกระทั่งถึงเวลานัดหมายแล้วนำท่านเดินทางสู่ภัตตาคาร ( โดยรถโค้ช)
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
โรงแรมที่พัก ALIQAPU HOTEL or KOWSAR HOTELระดับ 4*5* ดาวหรือเทียบเท่าในเมืองอิสฟาฮาน
วันที่เก้าของการเดินทาง 15 เม.ย.61 โบถ์แว้งค์-พระราชวังฮาชท์ เบเฮชท์ –สะพานคาจู
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านออกเดินทาง เพื่อชมมัสยิดที่เรียกว่าShaking Miraret เป็นสุเหร่าที่มองจากภายนอกอันแสนจะธรรมดา แต่ได้ซ่อนภูมิปัญญาของช่างเปอร์เชียเอาใว้ นั้นคือสุเหร่าแห่งนี้ สามารถยืนยงอยู่ได้ถึง 600 กว่าปี แม้นจะมีเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเพียงใดก็ไม่เคยแตกร้าว หรือเสียหาย เป็นสิ่งที่น่าทึงสำหรับสถาปนิค สมัยใหม่ ที่ยังไม่สามารถไขปริศนา แห่งการออกแบบ
ก่อสร้างได้ จากนั้นเดินทางต่อเพื่อชม โบถ์แว้งค์(Vank Church) เป็นโบถ์ประจำชมชนชาว อาร์เมเนีย ซึ่งพักอาศัยอยู่ใน
เขตนิวจุลฟา ของเมืองอิสฟฮาน ซึ่งนับถือศาสนา คริสต์ นิกายออร์โธด๊อกซ์ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของคน ต่างนิกาย ต่าง
ศาสนา แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และชีให้เห็นถึงความใจกว้างของ ผู้นำอิหร่าน และผู้นำทางศาสนา ผู้นำ
ในการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นมุสลิม นิกายชีอะห์ ตัวโบถ์สร้างระหว่างปี 1606-1655 หากมองจากภายนอกจะเห็นโดมของ
โบถ์ เหมือนเป็นโดมมัสยิด แต่ถ้าดูให้ดี จะเห็นไม้กางเขนขนาดเล็กปักอยู่ที่โดม ใกล้ๆกับตัวโบถ์ จะมีพิพิธภัณฑ์ ของชาว
อาร์เมเนียน ซึ่งจัดแสดง ภาพเขียนของบุคคล สำคัญของชาว อาร์เมเนียน และบางส่วนจัดแสดงวิวัฒนาการ เกี่ยวกับ การ
พิมพ์ในอิหร่าน ซึ่งชาวอาร์เมเนียนเป็นผู้บุกเบิก และส่วนสุดท้ายเป็นแผนที่ขนาดใหญ่จัดแสดงให้เห็นพื้นที่สังหาร ซึ่งชาว
อาร์เมเนียน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประเทศ ตุรกี ถูกสังหารหมู่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า รวมจำนวนแล้วมากกว่า 500,000คน ซึ่งพวก
เขายังพยายามเรียกร้องความยุติธรรมต่อชาวโลก มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไร้การเหลียวแลจากองศ์กรต่างๆ โบถ์แห่งนี้ ยังมี
นาฬิกา ที่ไปจากประเทศไทย ครั้งรัชกาล ที่ 5 เสด็จเยือนอิหร่านอีกด้วย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเที่ยวชมพระราชวัง ฮาชท์ เบเฮชท์ (HashtBehesht Palace) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ 1660 เป็นพระราชวังขนาดเล็ก แต่ตกแต่งสวยงามมาก จนได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ ทั้งแปด ตามความหมายของชื่อ พรพราชวัง แต่สภาพในปัจจุบันก็ทรุดโทรมไปมาก ความวิจิตรที่เคยมีมาในอดีต ก็ลดน้อยลงไปตามวันเวลา พระราชวังแห่งนี้เป็นสวน ร่มรื่นมาก มีต้นไม้ใหญ่ เต็มพระราชวังแห่งนี้ปูไปด้วยทองคำ จากนั้นเดินทางต่อเพื่อชม สะพานคาจู(Khaju Bridge)เป็นสะพานที่สร้างข้ามสองฝั่งของแม่น้ำสาย เดรู๊ด โดยกษัตริย์ ซาห์อับบาสที่ 2 แห่งราชวงศ์ ซาฟาวิด เมื่อปี ค.ศ 1650 เป็นสะพานที่สร้างสองระดับ
โครงสร้างตอนล่างเป็นหิน ส่วนตอนบนเป็นอิฐ มีพลับพลาที่ประทับสำหรับการเดสร็จประทับชั่วคราว ของพระมหากษัตริย์
ซึ่งอยู่กึ่งกลางบนชั้นที่สอง สะพานแห่งนี้เมื่อปี ค.ศ.1650 สะพานแห่งนี้ยังสร้างเพื่อกักเก็บน้ำอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม
สะพานชิโอ เชห์(Si-o Seh Bridge) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Allahverdi Khan Bridge ตามชื่อของผู้ออกแบบก่อสร้าง
สะพานแห่งนี้สร้างในสมัยกษัตย์ ซาห์อับบาส ที่ 1 ใช้เวลาสร้าง ระหว่างปี 1599-1602 ราวสะพานทั้งสองข้างสวยงามด้วย
การก่ออิฐเป้นชุ้มจั่วแหลม เรียงกันถึง 33 ชุ้ม ในเวลากลางคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ ทำให้ดูแล้วสวยงามมาก
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
โรงแรมที่พัก ALIQAPU HOTEL or KOWSAR HOTELระดับ 4*5* ดาวหรือเทียบเท่าในเมืองอิสฟาฮาน
วันที่สิบของการเดินทาง 16 เม.ย.61 อิศฟาฮาน-หมู่บ้านอะบียาเน่ห์-คาชาน-สนามบิน
06.00 น. บริการปลุกทางโทรศัพท์โดยเจ้าหน้าที่ของโรงแรม
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางจากเมืองอิศฟาฮานมุ่งขึ้นเหนือสู่หมู่บ้านโบราณที่อยู่บนเทือกเขาซาร์โกรส ซึ่งใกล้กับบริเวณที่เรียกว่ายอดเขาคาคาสซึ่งมีความสูงถึง 3,899 เมตร นั่นก็คือหมู่บ้านอะบียาเนห์นั่นเอง(Abyaneh Village) หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองอิศฟาฮานประมาณ 2.45 ชั่วโมง โดยทางรถยนต์แต่ยังอยู่ในเขตจังหวัดอิศฟาฮาน เมื่อถึงแล้วให้ท่านได้ชื่นชมความงามของหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีเศษ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและมีอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน ชาวบ้านที่นี่แต่งกายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเชื่อว่าเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจากพวก อีลาไมท์ ในอาณาจักรอีแลมซึ่งเก่าแก่ราวๆ สามพันปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันคนเหล่านี้คือชาวอิหร่านตามกฎหมายและนับถือ
ศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชาวอิหร่านทั่วไป พูดภาษาพื้นเมืองฟาซีเช่นเดียวกับคนพื้นราบโดยไม่ผิดเพี้ยน ลูกหลานของชาวบ้านที่นี่มีสิทธิ์เท่าเทียมกับเด็กๆชาวอิหร่านในเมืองต่างๆ ที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาลตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งมัธยมหรือแม้แต่ระดับอุดมศึกษาหากพวกเขาต้องการ จากหมู่บ้านอะบียาเน่ห์ เดินทางสู่เมืองคาชาน ซึ่งอยู่ถัดไปทางตอนเหนือประมาณ 1.30 ชั่วโมง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองคาชาน
บ่าย เมืองคาชาน เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 4,000ปี ก่อนคริสตกาลตัวเมืองที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 11-13 สมัยที่พวกเซลจุก มีอำนาจปกครองเหนือ อาณาจักร เปอร์เซีย (ประมาณ ปี 1051-1220 ) และเริ่มมี ชื่อเสียง ทางด้าน การทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคราชวงศ์ ซาฟาวิด ปกครอง เมืองคาชาน ก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง มากยิ่งขึ้น ในฐานะเมืองศูนย์กลางการค้า และเป็นด่านประตูสูเมืองต่างๆในพื้นที่ทะเลทรายด้านตะวันออก นำท่านชม คฤหาสน์เศรษฐีชื่อ Borujerdi Ancient House ที่มีมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบน เส้นทางการค้าในอดีตสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย(ศตวรรษที่ 16-18) เป็นยุคการค้ารุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด และ เมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่งมีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมาก
มายคฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนยุคปัจจุบันให้ได้ย้อนระลึกถึง
จากนั้นเดินทางสู่ท่าอากาศยาน Imam Khomenie International Airport ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาชานขึ้นไปทางเหนือ
ประมาณ 2.30 ชั่วโมง (อาหารค่ำ บริการบนเครื่องของการบินไทย)
21.00 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ โดยสายการบินไทย แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ TG-528
วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง 17 เม.ย.61 กรุงเทพฯ
06.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
แกรนด์อิหร่าน 11 วัน 9 คืน การบินไทย TG
เตหะราน-ราชท์-หมู่บ้านมาซูเล่ห์-ชีราซ-เปอร์ซีโปลิส
ยาซด์-นาอิน-อิศฟาฮาน-อะบียาเน่ห์-คาชาน
TOUR CODE : IR301411BF
อัตราค่าบริการ
|
10 - 15 ท่าน
|
16 - 25 ท่าน |
|
ผู้ใหญ่ พัก ห้องละ 2 ท่าน / ท่านละ
|
|
|
เด็กอายุตำกว่า 12 ปี พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน
|
|
|
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน ไม่มีเตียงเสริม
|
|
|
พักห้องเดี่ยว กรณีเดินทางท่านเดียว เพิ่ม
|
|
|
ช่วงเวลาที่แนะนำ ต.ค. – พ.ย. ฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็น บรรยากาศสวยมากๆ
ธ.ค. – ก.พ. ฤดูหนาว มีหิมะ อากาศหนาวไม่มาก บรรยากาศสวยมากๆ เช่นกัน
มี.ค. – ต้น พ.ค. ฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังเย็นสบาย บรรยากาศสวยไปด้วยดอกไม้
อัตราค่าบริการนี้รวม
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับเป็นหมู่คณะ - ค่าโรงแรมที่พักตามรายการ
ค่าอาหารตามรายการ - ค่าเข้าชมสถานที่ตามรายการ
ค่าภาษีสนามบินตามรายการ - ค่ารถ-รับส่งและนำเที่ยวตามรายการ
ค่าธรรมเนียมวีซ่า - ค่ามัคคุเทศก์ชำนาญงานคอยอำนวยความสะดวก
ค่าประกันอุบัติเหตุในวงเงินคนละ 1,000,000.-บาท, ค่ารักษาพยาบาลวงเงิน 100,000.-บาท
อัตราค่าบริการไม่รวม
1. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าอาหารที่สั่งเอง, ค่าเครื่องดื่มพิเศษ, ค่าซักรีด, ค่าโทรศัพท์, ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม, ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ฯลฯ
2. ค่าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกิน 30 กก.
การจองและชำระเงิน
- กรุณาชำระมัดจำท่านละ 10,000 บาท ภายใน 3 วันหลังการจอง
- กรุณาชำระส่วนที่เหลือก่อนเดินทาง 30 วัน ช่วงโลซีซั่น / 45 วัน ช่วงไฮซีซั่น
- กรุณาจัดเตรียมเอกสารและหนังสือเดินทางเพื่อการยื่นขอวีซ่าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 30 วัน โดยจัดส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ต
ที่ชัดเจนและสมบูรณ์ และ ครบถ้วน พรอ้มสำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน
การยกเลิก
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน หักค่ามัดจำ 5,000.-บาท
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 20-44 วัน ไม่คืนมัดจำ (10,000.-บาท)
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-19 วัน หักค่าใช้จ่าย 75% ของราคาทัวร์
- ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-14 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของราคาทัวร์
- ผู้เดินทางไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากเอกสารปลอมหรือการห้ามของเจ้าหน้าที่หักค่าใช้จ่าย 100%
หมายเหตุ
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและโปรแกรมทัวร์ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบจากเหตุอันเนื่องมาจากภัยจลาจล ประท้วง ความไม่สงบทางการเมือง อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ
ปัญหาการจราจร การล่าช้า หรือยกเลิกเที่ยวบิน แต่เราจะแก้ไขให้ดีที่สุด
- สถานฑูตเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า 2,500 บาท โดยปริยาย (ไม่คืนทุกกรณี)
- สงวนสิทธิ์ไม่ขายแก่บุคคลที่สงสัยว่าจะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศ
- เป็นทัวร์โปรโมชั่น ไม่มีกระเป๋าเล็กสมนาคุณ
- ท่านสามารถ นำบัตรเครดิด เช่น VISA, MASTER ไปใช้ได้เฉพาะในร้านค้าขนาดใหญ่ เท่านั้น
แกรนด์อิหร่าน 11 วัน 9 คืน การบินไทย TG
เตหะราน-ราชท์-หมู่บ้านมาซูเล่ห์-ชีราซ-เปอร์ซีโปลิส
ยาซด์-นาอิน-อิศฟาฮาน-อะบียาเน่ห์-คาชาน
TOUR CODE : IR301411BF
จองทัวร์ กรุณากรอกแบบฟอร์ด้านล่างนี